นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยถึงกรณีการทำงานของ กกต.ว่า ขณะนี้ กกต.เร่งประชุมพิจารณาร่างระเบียบที่จะออกมารองรับต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ซึ่งค่อนข้างมากโดยเรียงลำดับความสำคัญ และขณะนี้กำลังเร่งร่างระเบียบ กกต.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งที่ประชุมกกต.ได้พิจารณาเสร็จทั้ง 155 ข้อในรอบแรก และจะพิจารณาทบทวนอีกครั้ง เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ประกาศใช้ คาดว่าวันที่ 14 ก.ย. จะประกาศร่างระเบียบดังกล่าวให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที
นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า ส่วนการเคลื่อนไหวของ กลุ่มสามมิตร ที่มีการขึ้นรถแห่ผู้สมัครที่จ.ชัยภูมินั้นเป็นหน้าที่ของกกต.ที่ต้องตรวจสอบอยู่แล้ว ปกติเมื่อมีการร้องเรียนก็ต้องตรวจสอบว่ามีพยานหลักฐานตามที่ร้องหรือไม่ หรือไม่มีการร้องแต่มีการกระทำที่เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย กกต.ก็ต้องตรวจสอบ แม้จะเป็นการดำเนินการของกลุ่มการเมืองก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้กกต.ตรวจสอบยาก เรายึดหลักว่าถ้ามีการดำเนินการไม่สอดคล้องกับกฎหมาย กกต.ก็ต้องการดำเนินการ ทั้งนี้คิดว่าทุกพรรคและทุกกลุ่มการเมืองคงทราบดีอยู่แล้ว เพราะคสช.ก็บอกแล้วว่าจะคลายล็อกตามลำดับ ถ้าถึงเวลานั้นก็จะหาเสียงได้ ฉะนั้นเป็นประเด็นที่พรรค กลุ่มการเมืองทราบกันอยู่แล้ว กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบและให้ความมั่นใจว่าไม่มีการดำเนินการใดๆที่ผิดกฎหมาย
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. กล่าวถึงกรณี กลุ่มสามมิตร ว่า สำนักงาน กกต.ต้องติดตามความเคลื่อนไหว ถ้าผิดกฎหมายความมั่นคงก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะขณะนี้ คสช.ยังไม่ปลดล็อก ยืนยันว่า กกต.จะดำเนินการอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนการควบคุมการหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย เมื่อ สำนักงานได้พิจารณายกร่างระเบียบว่าด้วยการหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย เป็นรอบที่สอง โดยรับฟังความคิดเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะการควบคุมว่าจะทำได้แค่ไหน จะเป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพหรือไม่ เบื้องต้นเห็นว่า ร่างกฎหมายควรควบคุมแบบไม่จำกัดเสรีภาพ และจะไม่มีมาตรการห้าม เพียงแต่จะทำหรือใช้ช่องทางใด ขอให้มาแจ้งกับกกต.รับทราบ โดยก่อนออกระเบียบจะรับฟังความคิดเห็นจากพรรค และผู้ที่เกี่ยวข้อง
เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ส่วนที่ขณะนี้มีการเปิดเพจเชิญชวนให้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคนั้น ขอให้ระมัดระวังเพราะยังไม่มีการคลายล็อก และอยากให้ศึกษาพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการหาสมาชิกพรรคอย่างไม่ผิดกฎหมาย เนื่องจากตามกฎหมาย หากมีการจูงใจด้วยผลประโยชน์และกระทำโดยพรรค มีสิทธิ์ถูกยุบพรรคได้ หากทำโดยบุคคลก็มีโทษปรับและติดคุก
เลขาธิการกกต. กล่าวว่า ส่วนการแบ่งเขตเลือกตั้งนั้น อำนาจการแบ่งเขตเป็นของกกต. ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ว่าแต่ละจังหวัดจะมีส.ส.เพิ่มหรือลดลงเท่าใด ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร การที่กกต.มีหนังสือเวียนไปยังสำนักงานกกต.ทั่วประเทศเพื่อให้จังหวัดได้เตรียมการ แบ่งคร่าวๆ ยังไม่ยืนยันว่าจะมีการแบ่งตามที่กระแสข่าวหรือไม่