เจตจำนงค์ของบรรดาพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่แสดงออกมาจากการจัดสัมมนาที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และ เครือข่ายตรวจสอบภาคประชาชน จัดเสวนาหัวข้อ “อนาคตประเทศไทย ตายหรือตันก่อนการเลือกตั้ง” โดยมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้แทนพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมเสวนา
นายจตุพร กล่าวว่า หลังการเลือกตั้งประเทศไทยจะอยู่ในสถานะเลยตามเลย ถ้าตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ ทีเหลือจะเป็นการกวาดต้อนเสียงกัน บีบให้เป็นเสียงข้างมากภายหลัง ตอนนี้ถ้านักการเมืองตกลงกันได้ ควรให้พรรคที่รวมส.ส.ได้เกิน 250 เสียง ตั้งรัฐบาล จริงอยู่ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ แต่นายกฯจะอยู่หรือไปขึ้นกับส.ส. สิ่งที่สำคัญคือ ให้จับมือกันในสภา เป็นสัญญาประชาคมไปเลย ใครรวมเสียงได้เกิน 250 เสียง ให้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อปิดทางคนนอกไปเลย แต่เดี๋ยวต้องคอยดูพอไปถึงสถานการณ์จริง
ทั้งนี้ทั้งนั้นเชือว่าแม้ตั้งรัฐบาลได้แต่ก็จะบริหารประเทศไม่ได้ เพราะหากเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็จะส่งผลให้การทำงานในรัฐสภาไม่ราบลื่นหรือติดขัด ในขณะเดียวกันจะเสนออะไรก็ไม่ได้เพราะรัฐบาลมีจำนวนเสียงน้อยกว่าฝ่ายค้าน ถือเป็นเรื่องที่น่าจับตามอง การเมืองไทยใครจะเป็นรัฐบาลขึ้นอยู่กับสภานการณ์มากกว่า
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีความเห็นง่ายๆคือ ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของคสช. ไม่สนับสนุนนายกฯคนนอก รวมถึงไม่สนับสนุนการอยู่ 1 ใน 3 บัญชี แม้จะมีเสียงจำนวนมากสนับสนุน ถ้าคสช.ตั้งรัฐบาลได้ เพื่อไทยจะเป็นฝ่ายค้าน จุดยืนของพรรคเพื่อไทย แม้จะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว ก็ยืนยันว่า จะไม่ร่วมกับ คสช. สืบทอดอำนาจ พรรคเพื่อไทยจะเปิดเป็นพันธมิตรกับพรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ คสช. หากคสช.ตั้งรัฐบาลได้ มีเสียง ส.ส.เกิน 250 เสียงภายหลัง
ทั้งนี้หลังการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะมีโอกาสในการจับมือกับพรรคประชาสธิปัตย์หรือไม่นั้นมันเร็วไป เพราะสุดท้ายพรรคการเมืองที่ได้เสียงเกิน 376 เสียงก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่โอกาสน้อยมาก ดังนั้นหากพรรคการเมืทองไหนอยากเป็นรัฐบาลสามารถรวบรวมเสียงได้ 126 เสียงก็ไปจับมือกับส.ว.ก็สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว ส่วนนายกฯคนในหรือคนนอกก็ว่ากัน ณ ขณะนั้น ถ้าเขามีเสียงข้างมาก ส.ส. 300 เสียง บวก ส.ว. 250 เสียง เสถียรภาพจะมีมาก
แต่ภายนอกสภา คนจะรับได้หรือไม่ คนจะบอกว่า เขาเลือกพรรคอื่น นโยบายเขาก็ไม่ได้ ตรงนี้จะกลายเป็นวิกฤตการเมืองหรือไม่ หรือหากสมมติว่าพรรคการเมืองตั้งรัฐบาลได้ท่วมท้น 376 เสียงขึ้นไป ก็จะมีปัญหาว่าจะสะดุดตรงไหน หรืออาจจะถูกล้ม ทำนโยบายไม่ได้ ประชาชนก็จะเห็นปัญหาว่า ทำไมรัฐบาลที่มีส.ส.กว่า 3 ใน 4 แล้ว ยังมีปัญหา คนก็จะคิดว่าแบบนี้กติกามีปัญหาแล้ว สุดท้ายคนจะเห็นว่าปัญหาอยู่ที่รัฐธรรมนูญ ถ้าไม่แก้ไปต่อยาก ถามว่าตันหรือไม่ ก็ไม่เชิง ก็ต้องแก้ ถ้าไม่แก้ โดยที่้บ้านเมืองไปไม่ได้ ก็เป็นวิกฤต คนที่บอกไม่ฉีก ก็จะฉีกอีก
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่กำลังจะเดินหน้าไปสู่ทางตันคือ คสช. เพราะ เกิดจากปัจจัยใหญ่ 2 ประการคือ เศรษฐกิจ และการเมือง ปัญหาใหญ่คือ แม้รัฐบาลโฆษณาจีดีพีโตต่อเนื่อง 4 ปี แต่พอลงลึกนั้นโตจริง แต่ต่ำสุดในอาเซียน 4 ปีต่อกัน เม็ดเงินไม่ได้ตกกับรากหญ้า แต่ตกอยู่ในมือคนไม่กี่คน สภาพรวยกระจุกจนกระจายทั่วทุกภูมิภาคที่จะกดดันคสช.ทางเศรษฐกิจในทางการเมือง ก็แน่นอนว่า เกิดจากต่างประเทศ และภายในประเทศ ที่โพลออกมาตรงกันว่า ทุกคนอยากเลือกตั้ง มีบ้างที่ยังลังเล กลัวเลือกตั้งแล้วจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
นายสิริพงศ์ กล่าวว่า จุดยืนของชาติไทยพัฒนาชัดเจนว่า ไม่เอานายกฯคนนอก แต่ก็มีการตีความว่า ถ้าเผด็จการมาลงรับสมัครจะเป็นนายกฯคนนอกหรือไม่แต่หากพรรคใดตั้งรัฐบาลแล้วมีแนวโน้มจะเกิดวิกฤติ เราจะยืนเฉยๆ หรือจะเข้าไปก่อนแล้วช่วยกันแก้ไขทีหลัง การเลือกตั้ง 2562 จะออกจากวังวนได้ คือ ต้องแก้ เรื่องอดทนไม่เป็น เย็นไม่พอ รอไม่ได้ จนกลายเป็นเงื่อนไขการปฏิวัตินั้น เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวทางที่ให้ พรรคเสียงข้างมากตั้งรัฐบาลก่อน โดยไม่มีอะไรมาแทรกแซง สมมติว่า มี 250 ส.ว. แล้วรอ 126 เสียงส.ส. ถือเป็นเสียงข้างน้อย รวมชาติไทยพัฒนาเป็น 150 เสียงส.ส. เราก็จะไม่ร่วม เพราะไม่มีประโยชน์ ไร้เสถียรภาพ ถ้าบ้านเมืองพร้อมจัดการเลือกตั้งปีละ 2-3 ครั้งก็เอา แต่ถ้าร่วมให้เป็นเสียงข้างมากแล้วเดินหน้าได้ ก็ไปร่วม
วัฒนา อ่อนกำปัง รายงาน