นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวหลังจาก คสช. คลายล็อกพรรคการเมืองว่า เป็นเรื่องดี เพราะส่งสัญญาณชัดเจน ต้องมีการเลือกตั้งในปีหน้า จากนี้ตนยิ่งต้องคิดให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของนโยบาย ขอยืนยันว่า เอาจริงกับนโยบายแก้ปัญหาหนี้ กยศ. เพราะไม่อยากเห็นเด็กจบใหม่ ต้องกลายเป็นหนี้หัวโต กลายเป็นคนมีคดี หางานทำลำบาก
ที่คิดไว้เบื้องต้นคือการพักหนี้ มีเงื่อนไข เก็บผู้กู้ไว้ในระบบ จากนั้นมาคุยกันว่าจะจ่ายเมื่อไร จ่ายอย่างไร ให้มีงาน หาเงิน แล้วจึงมาใช้หนี้ ส่วนผู้ค้ำประกัน ตนต้องการปลดภาระผู้ค้ำ ในระยะยาว ต้องการให้การศึกษาเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
“ใครต้องการเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เรียนไป แต่ถ้าใครมีข้อจำกัด เราต้องมีระบบรองรับ ผมอยากให้เรามีการเรียนออนไลน์ ที่สามารถการันตีความรู้ ความสามารถของผู้เรียนได้จริง เมื่อเรียนจบแล้ว สังคมต้องยอมรับในองค์ความรู้ของนักเรียน
ล่าสุด ผมดูตัวอย่างจากประเทศฟินแลนด์ เขาทำให้การศึกษาระบบออนไลน์ ได้รับความนิยม คนเรียนผ่านระบบออนไลน์ ได้รับการยอมรับในสังคม ประเทศไทย ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นบ้าง เพื่อทำลายข้อจำกัดทางการศึกษา”
นายอนุทิน กล่าวว่า นอกจากการศึกษา ตนให้ความสำคัญคือการปรับปรุงกฎหมาย ให้สอดรับกับความเป็นอยู่ของประชาชน ทุกวันนี้ประชาชน มีโอกาสทำมาหากินมากมายจากทรัพย์ที่ถือครองอยู่ แต่ติดขัดในเรื่องกฎหมาย ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของ GRAB, UBER, บ้านพักโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นของประชาชน แต่กลับนำมาใช้ทำมาหากินไม่ได้อย่างเต็มที่ เพราะกฎหมายไม่อนุญาต หรือมีเงื่อนไขเต็มไปหมด เราจำเป็นต้องแก้กฎหมาย เพื่อให้รัฐมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนให้ประชาชนมีงานทำ มีเงินใช้ คือความหมายของคำว่าลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน นอก อีกสิ่งที่หวังเห็นคือการขยายสิทธิประโยชน์การลงทุนจาก EEC ไปยังพื้นที่อื่น เพื่อให้ความน่าลงทุน มันเกิดแก่จังหวัดต่างๆ ด้วย
ในทางการเมือง นายอนุทิน ระบุว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ลดขนาดพรรคขนาดใหญ่ หากอยากเป็นรัฐบาล ต้องมาคุยกับพรรคอื่น เป็นโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยได้เสนอนโยบาย พรรคขอใช้เป็นเงื่อนไขแรกในการร่วมงาน แน่นอนว่า หากนโยบายเราถูกปฏิเสธ เราก็เป็นฝ่ายค้าน ดังนั้น อย่าไปมองว่าพรรคภูมิใจไทยรอเป็นรัฐบาล 100% ส่วนกระแสการโจมตีพรรคภูมิใจไทย โดยบางคน บางกลุ่ม เป็นเรื่องของลูกพรรค ตนไม่ใส่ใจ