นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นล้มระบอบทักษิณโพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก วิเคราะห์สถานการณ์การเมืองของพรรคเพื่อไทยในอนาคต โดยระบุว่า กับดักรัฐธรรมนูญทำเพื่อไทยแพ้ฟาวล์ โดยระบุว่า
การเลือกตั้งปี 62 อาจเกิดเหตุพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เพื่อไทย”อาจ”ถูกจับแพ้ฟาล์วยกพรรค จากเหตุผู้สมัคร ส.ส.ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ เพราะถูกดำเนินคดี ในความผิด “กระทำการส่อไปในทางทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจ หน้าที่ ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ กฎหมาย”
ในกรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาของ สว. ซึ่ง ปปช. ชี้มูลความผิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 มี ส.ส.และ สว.ที่เข้าข่ายกระทำความผิด 308 คน และเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทยกว่า 250 คน ขณะนี้เรื่องอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาคดีของศาลรัฐธรรมนูญ(เผด็จการ)2560 มาตรา 98(18) คือกับดัก มาตรา 98 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (18) เคยพ้นตำแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา 144 หรือ มาตรา 235 วรรคสาม มาตรา 235 วรรคสาม
“เมื่อศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้อง ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา…”
หากจะสรุปว่าบุคคลใดก็ตามที่ถูกศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้องก็จะเข้าข่ายเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98(18) บัญญัติไว้ได้หรือไม่.??
และการวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. ก็เป็นหน้าที่ของ กกต. กกต.จะวินิจฉัยได้ก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นไปสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. หากอดีต ส.ส.ที่ถูกดำเนินคดีไปสมัครรับเลือกตั้ง กกต.ก็จะใช้เวลา 7-10 วัน หลังวันรับสมัครเพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ เมื่อพบว่าคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ กกต.ก็จะประกาศ “ไม่รับรองว่าเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในเขตนั้นๆ” ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยจึงมีโอกาส “แพ้ฟาวล์” ก่อนวันลงคะแนนกว่า 250 คน เมื่อถึงวันนั้นสภาพคงไม่ต่างจากวันนรกแตก ไม่อยากคิดถึงภาพที่พรรคเพื่อไทยประกาศ”บอยคอต”การเลือกตั้งเลย
ล่าสุด มีความเห็นจากฝั่งพรรคเพื่อไทย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายไทกร เข้าใจกฎหมายผิด พร้อมยืนยันว่ากรณีการเข้าชื่อแก้กฎหมาย ส.ว. จบตั้งแต่ปี 2558 เพราะ ป.ป.ช.มีมติไม่ดำเนินคดีอาญา และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไม่ถอดถอน