รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร อดีตคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวถึงจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคสมควรได้รับ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ว่า
ขอเริ่มจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคเบอร์ 1 สมาชิกของพรรคตั้งเป้าที่ 250 ที่นั่ง เพื่อสร้างความชอบธรรมในการหาแนวร่วม สำหรับตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นฝ่ายค้าน ก็มีอำนาจมหาศาล แต่ในความเป็นจริง พรรคโดนบีบจากหลายทาง และมีเลือดไหลออก ขณะที่พรรคอนาคตใหม่จะไปแย่งเสียงของเพื่อไทย โดยเฉพาะในเขตเมือง เดาว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้ ส.ส. ประมาณ 200 – 220 คนเท่านั้น
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ อยู่ในสภาพที่ยากลำบากที่สุด เพราะในพื้นที่สามจังหวัดใต้ มีพรรคของคุณวันนอร์เข้ามาแย่งพื้นที่ ขณะที่พื้นที่เดิม มีกลุ่มของคุณสุเทพเข้ามาท้าทาย งานนี้จะเป็นการวัดกันว่าพลังประชาธิปัตย์ กับ กปปส. ใครจะเหนือกว่า
นอกจากนั้น พรรคการเมืองขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทย มีข่าวว่าจะส่งคนลงมาสู้ในพื้นที่ภาคใต้ โดยหวังถึงชัยชนะ ส่วนตัวมองว่า ในหน้ากระดานการเมืองภาคใต้ ฝ่ายประชาธิปัตย์ได้เปรียบกว่าทุกพรรค เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ ดูแลพื้นที่มานาน อย่างไรก็ตาม ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ประมาทให้คู่ต่อสู้ อาจได้เสียงไม่ถึง 100 เสียง
สำหรับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีกลุ่มสามมิตรเป็นแนวร่วม แกนนำประกาศว่าจะกวาดให้ได้ 100 ที่นั่งในสภา คิดว่าเป็นการคุยโว เพราะต้องยอมรับว่า นอกจากนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข สังคมยังไม่เห็นนักการเมืองเกรดเอมาร่วมหัวจมท้ายกับพรรค ทั้งนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์, นายสุชาติ ตันเจริญ, แม้กระทั่งตระกูลสะสมทรัพย์ ก็ยังเก็บอาการ
ดังนั้น แนวร่วมกลุ่มสามมิตรล้วนเป็นพวกนักการเมืองเกรด B เกรด C ทั้งนี้ แม้กลุ่มสามมิตรจะมีเงิน แต่คนไทยเติบโตไปมาก กลยุทธ์บางอย่าง อาจไม่สำเร็จเสมอไป มองตามสภาพปัจจุบัน คิดว่ากลุ่มสามมิตร พลังประชารัฐ น่าจะได้ประมาณ 20 ที่นั่งเท่านั้น
รศ.อัษฎางค์ กล่าวต่อว่า การเกิดขึ้นของพรรคพลังประชารัฐ กลุ่มสามมิตร เป็นผลมาจากการที่พรรคภูมิใจไทย ปฏิเสธเป็นนั่งร้านให้รัฐบาล ส่วนตัวคิดว่าพรรคภูมิใจไทยมีของดีอยู่ในมือ โดยเฉพาะบรรดา ส.ส.เกรดเอที่ไม่ได้ย้ายพรรค เหนียวแน่นในพื้นที่อีสานใต้ ราชบุรี กาญจนบุรี บางส่วนของภาคเหนือ และบางส่วนของภาคใต้
และที่ผ่านมามีข่าวเตรียมทาบทามคนเก่งคนดีเข้าพรรค นอกจากนั้น ตัวพรรคก็ค่อยๆ ปั้นกระแสขึ้นมา ต้องยอมรับว่าเป็นพรรคที่มีคนเก่งเป็นจำนวนมาก ทั้งตัวหัวหน้าพรรคและทีมที่ปรึกษา เท่าที่ทราบ พรรคภูมิใจไทยหวัง ส.ส.ระหว่าง 30-40 คน คิดว่าทำได้แน่นอน ไม่ผิดเป้า
เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง ดร.ทักษิณ อวยพรให้ได้ 40 ที่นั่ง ก็คิดว่าน่าจะได้ประมาณนั้นจริง แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากังวลคือพรรคนี้ มีกระแสดี แต่ไม่มีตัวในพื้นที่ ต้องประคองกระแสให้ได้จนถึงวันเลือกตั้ง ถือเป็นงานหนัก เพราะเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าจะถึงวันหย่อนบัตร
เมื่อถามถึงพรรคชาติพัฒนา และชาติไทยพัฒนา นักวิชาการคนดังกล่าวว่า พรรคชาติพัฒนาในยุคนี้ ยังอ่อนประสบการณ์ทางการเมือง ที่ผ่านมาโดนพรรคอื่นขยับแซงหน้าไปมาก การเลือกตั้งครั้งนี้ น่าจะเป็นการบ่มเพาะวิชาให้คนรุ่นใหม่ในพรรค สุดท้ายพรรคอาจจะได้ ส.ส.ประมาณ 5-7 คนเท่านั้น ขณะที่พรรคชาติพัฒนา ในอดีตเคยชนะในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา แต่คราวนี้ มีหลายพรรคจ้องแย่งพื้นที่ ถ้ายังชะล่าใจ พรรคชาติพัฒนาอาจจะถึงขั้นสูญพันธุ์