นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตสส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ว่า สู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ประชาธิปัตย์มีเรื่องใหม่ที่จะพิสูจน์ความเป็นประชาธิปไตยและผู้นำการปฏิรูปการเมืองเพื่อให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคที่แท้จริง ทั่วไปแล้วกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดให้ที่ประชุมใหญ่พรรคเป็นผู้เลือก “หัวหน้าพรรค” แต่คราวนี้ประชาธิปัตย์ฉีกขนบเดิมๆ ของทุกพรรคการเมืองด้วยการเป็นพรรคแรกที่จะให้ประชาชนที่เป็นสมาชิกพรรคโหวต “หยั่งเสียง”เลือกหัวหน้าพรรคตรง โดยผ่านแอพพลิเคชั่น โทรศัพท์มือถือที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ซึ่ง เรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย
“ผมมองว่า นี่แหละ “พรรคแห่งเสรีชน” ไร้เจ้าของโดยแท้จริง ท่านจะอาชีพใด ศาสนาใด เพศใดก็สามารถลงสมัครแข่งขันได้ตามกติกาเดียวกัน ความหลากหลายเป็นพหุวัฒนธรรมของพรรค คงไม่ เอื้อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมาผูกขาดพรรคไปได้” นายอรรถวิชช์ ระบุ
ด้านนายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ และแกนนำกลุ่มอีสานกู้ชาติ ในการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาว่า
“เหตุเลื่อนการตัดสินใจอนาคตทางการเมืองของท่านผู้นำออกไปเพราะเหตุปัจจัยสำคัญคือ พรรคประชาธิปัตย์ การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในเดือนพฤศจิกายน 61 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเงื่อนไขการสืบทอดอำนาจของกลุ่มเผด็จการ คสช. หากฝ่ายหนุน คสช.ไม่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค หนทางสู่การสืบทอดอำนาจก็จะ”ปิดตาย” เพราะ สว. 250 คน ที่มาจากการสรรหาแต่งตั้ง หัวหน้า คสช.สั่งซ้ายหันขวาหันได้เพียง 50 คนเท่านั้น เนื่องจากหัวหน้า คสช.มีอำนาจเลือกโดยตรง ส่วนอีก 200 คนนั้น มาจากการสรรหาตามกระบวนการ จึงยากที่ท่านผู้นำจะสั่งซ้ายหันขวาหันได้หมดทุกคน สว.เหล่านี้จึงมีโอกาสโน้มเอียงไปตามกระแสหรือสิ่งเร้าต่างๆที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า จึงเป็นหน้าที่ จิตสำนึก ความเชื่อมั่นศรัทธา ของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญประชาธิปไตยหรือผู้รับใช้เผด็จการ ส่วนตัวผมนั้น แน่นอน..!! ผมไม่รับใช้เผด็จการ..!!”
ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรค ปชป. เปิดเผยว่า พื้นที่ภาคใต้มีการวางตัวผู้สมัคร ส.ส.เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ยังเหลือบางเขตที่ยังทำโพล เพื่อหาบุคคลที่มีคะแนนเสียงสูงสุด เนื่องจากมีผู้ต้องการแทนคนเก่าที่ได้ลาออกไปหลายคน ยังมั่นใจในคะแนนนิยมพรรคอยู่