ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา กล่าวหลังจากอดีต ส.ส.ชื่อดังหลายคน อาทิ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต ผู้แทนฯจังหวัดอุทัยธานี และนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีต ผู้แทนฯ จังหวัดพิจิตร เข้าร่วมพรรคภูมิใจไทย ว่า หลายคนเอาไปเทียบการเคลื่อนเกมของพรรคภูมิใจไทย เหมือนกับสามมิตร แต่ส่วนตัวมองเห็นความต่างอย่างมีนัยยะสำคัญ
3 มิตรเป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจของนักเลือกตั้งที่มีข้อตกลงที่ลงตัวกับกลุ่มอำนาจ เพื่อเป็นนั่งร้านในการสืบทอดอำนาจของทหารและข้าราชการเท่านั้น เป็นการเมืองแบบกำไร- ขาดทุน ประเมินผลกำไรจากการต่อรองตำแหน่งแห่งที่ทางการเมืองปกติเหมือนกับการเมืองที่ผ่านมาและสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งกับพรรคการเมืองบางพรรคอย่างชัดเจน ในเงื่อนไขนี้อาจนำไปสู่เงื่อนไขที่จะสร้างความขัดแย้งในทางการเมืองระยะยาว
อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา กล่าวต่อว่า ในขณะที่พรรคภูมิใจไทย(ภท.) มีความต่างที่จุดยืนและข้อเสนอทางการเมืองความคงเส้นคงวาต่อแนวทางทางการเมือง คือ ความเป็นกลาง ไม่แบ่งฝ่าย ไม่เลือกข้าง รักษาพันธมิตรทางการเมืองในทุกกลุ่มก้อนทางการเมือง มีข้อเสนอแนวคิดที่สอดคล้องกับความจริง ไม่เพ้อฝัน เลื่อนลอยเป็นแนวนโยบายของพรรค
เงื่อนไขนี้จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่นักการเมืองจำนวนหนึ่งตัดสินใจเข้าพรรค ภท. เนื่องจากไม่ต้องการเป็นคู่ขัดแย้ง ไม่ต้องการเป็นเครื่องมือของกลุ่มอำนาจที่ขัดแย้งกันอยู่ ต้องการอิสระภาพ ต้องการความเป็นตัวของตัวเอง
และที่สำคัญเข้าใจว่านักการเมือง กลุ่มการเมือง จำนวนหนึ่งคงได้ถอดบทเรียนทางการเมืองที่ผ่านมาในความขัดแย้งมีแต่บาทแผลความเจ็บปวด ในสถานการณ์แบบนี้การเลือกข้างที่เป็นกลางน่าจะเป็นทางออกที่ดี
ทั้งนี้กลุ่มการเมืองที่เข้ามาสังกัด ภท. เป็นกลุ่มการเมืองที่ทำงานในพื้นที่ มีประสบการณ์จริง เห็นสภาพปัญหาจริงของประชาชน คงเห็นว่าแนวคิดเชิงนโยบายของ ภท. มีความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหาชาวบ้าน เช่น ปัญหาความยากจน หนี้สิน กยศ. ราคาพืชผลทางการเกษตร การรักษาพยาบาล ฯลฯ ซึ่งสามารถสื่อสารกับชาวบ้านได้ง่าย ไม่มีข้อเสนอในเชิงเพ้อฝัน เลื่อนลอย ไกลออกจากความเป็นจริงของชาวบ้าน