นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Suthichai Live ถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงก่อนเลือกตั้งว่า วันนี้อุปสรรคในการเลือกตั้งในมุมมองของภูมิใจไทยคงไม่มี เรารอเพียงแค่ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง ส.ส. เพราะตอนนี้ภูมิใจไทยพร้อมทุกอย่างเนื่องจากเตรียมตัวมาระดับหนึ่งแล้ว ส่วนข้อถกเถียงเรื่องนิยามของการหาเสียงออนไลน์ที่หลายพรรคถามไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นั้น ปัญหาอยู่ที่การตีความ ซึ่งแน่นอนว่าต้องรอความชัดเจนจากทางการ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาความไม่เท่าเทียมหรือการเอารัดเอาเปรียบได้ แต่เบื้องต้นทางพรรคยึดกติกาตามรัฐธรรมนูญว่าอันไหนทำได้หรือทำไม่ได้
ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ออกมาบอกว่า ยุบไม่ได้แต่แก้ได้นั้น นายอนุทิน ระบุว่า ยุทธศาสตร์ชาติก็เป็นแค่กรอบกว้างๆ เอาไว้ถึงวันนั้นเมื่อมันไม่เป็นไปตามแผน เชื่อว่ามันจะมีวิธี เปรียบเทียบกับแผนธุรกิจถ้าปฏิบัติไม่ได้ก็ต้องหาทางแก้ แต่ ณ จุดนี้ตนมองว่ายังไม่ใช่เรื่องใหญ่
ขณะที่ความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีข่าวว่ารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนี้ไปร่วมงานด้วย และมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯต่อ จนถูกวิจารณ์เรื่องการเอาเปรียบนั้น ตนถือคติเอาบ้านตัวเองให้เรียบร้อยก่อน เรื่องนี้อยู่ที่แต่ละคนคิดอย่างไร ชีวิตตนเองนั้นโตมาบนวังเวียนของการแข่งขัน ประมูลงานทุกอย่างก็ไม่เคยไปดูว่าใครมีแต้มพิเศษอะไร แต่พิจารณาที่ตัวเองว่าจะมีกลยุทธ์อะไรให้ชนะเขาได้ ต้องมองข้างหน้า ไม่มองด้านข้าง จุดนี้เองที่ตนนำมาใช้ในสนามเลือกตั้ง เพราะแน่นอนว่าเขตที่พรรคภูมิใจไทยเคยได้ ส.ส. ย่อมถูกท้าทายจากพรรคการเมืองต่างๆ ตนก็เชื่อมั่นในบุคลากรของพรรค ในเขตที่เข้มแข็งเราก็จะสนับสนุนให้เข้มแข็งยิ่งๆขึ้นไป ส่วนในเขตที่ยังอ่อนแอเราก็จะปรับปรุง คิดนโยบายดีๆ คัดเลือกคนที่ประชาชนรู้จัก เลือกคนที่จะทำประโยชน์ให้พื้นที่ เพราะเราจะไม่ดูถูกผู้มีสิทธิเลือกตั้งด้วยคำว่า “ส่งเสาไฟฟ้า” ส่วนกติกาเลือกตั้งใหม่ ก็เห็นว่าเป็นผลดีกับพรรคภูมิใจไทยเพราะทุกคะแนนมีค่า ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมา เรามีคะแนนจากผู้สมัครแบบเขต ทั้งๆที่ส่งประมาณ 130 กว่าเขต ได้คะแนนมาไม่น้อย และส่วนใหญ่ได้ที่ 2-3 ฉะนั้น เลือกตั้งเที่ยวนี้จึงน่าลุ้น
นายอนุทิน กล่าวถึงพลังดูดที่หลายพรรคได้รับผลกระทบว่า คนภูมิใจไทยที่เป็นอดีต ส.ส.แล้วออกไปมีคนเดียว ที่เหลือยังอยู่ครบ ส่วนข่าวที่ออกไปว่าภูมิใจไทยถูกดูดไปเยอะนั้น ล้วนแต่เป็นผู้สมัครที่สอบตกแล้วก็เงียบหายไปเลย ขณะที่ภูมิใจไทยไปดูดใครมาหรือไม่นั้น ขอตอบว่า เขามาเอง จากความเชื่อมั่นในพรรค เพราะเรามีจุดขายว่าเราเปิดร้าน 24 ชั่วโมง ต้อนรับทุกคน พนักงานของร้านยิ้มแย้มแจ่มใส ทำอาหารอร่อย
เมื่อถามถึงจุดยืนว่าจะจับมือกับฝ่ายใดนั้น นายอนุทิน ตอบว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคขนาดกลาง คำตอบจะไม่เหมือนพรรคใหญ่ แม้เราพยายามขยับเป็นพรรคใหญ่แต่เราก็ดูความเป็นจริง ดังนั้น การตัดสินใจลำดับแรก คือ ฝั่งประชาชนและประเทศไทย ลำดับถัดมาคือฝั่งตัวเอง วันนี้เราไม่รู้ผล แต่ถามว่าการเป็นนายกฯคนใน เป็นนายกฯจาก ส.ส. มันก็สง่างาม เราพยายามให้เป็นแบบนั้นอย่างสุดความสามารถ พรรคไหนได้คะแนนสูงสุดตนพร้อมหนุน แต่ถ้าหากมันขรุขระก็ต้องคิดก่อนว่า ณ จุดนั้นประเทศและประชาชนได้อะไร ทั้งนี้ ตนไม่ได้อยู่ในจุดที่จะฟันธง ที่ตนทำได้คือหานโยบายที่ทำได้เลยและทำได้จริง ตรงนี้ตนพูดชัดเจนว่า ถ้าเราเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลก็จบ แต่ถ้าไม่ได้แล้วต้องไปร่วมรัฐบาล ก็ต้องนำสิ่งที่สัญญากับเจ้านายคือประชาชน มาเป็นเงื่อนไขว่าต้องได้รับการปฏิบัติ ถ้ารับเงื่อนไขไม่ได้ก็พร้อมเป็นฝ่ายค้าน เพราะหน้าที่หลักของเราคือเป็นผู้แทนราษฎร ไม่ใช่เป็นรัฐมนตรี
“การเลือกนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวอยากให้เป็นไปตามกระบวนการที่สง่างาม รองลงมาคือเป็นไปตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ” นายอนุทินกล่าว
หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังกล่าวถึงข้อเสนอเรื่องรัฐบาลเฉพาะกาล ของพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ต้องถามว่าอยู่ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตอนนี้บรรยากาศมันมุ่งสู่การเลือกตั้งแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอนี้อาจจะเป็นความหวังแต่ปฏิบัติได้ยาก ตรงนี้ตนเลยไม่ได้คิดต่อ ขณะที่ข้อเสนอให้พรรคเพื่อไทยและประชาธิปัตย์จับมือกันเพื่อสกัดอิทธิพลทหาร ก็ไม่เกี่ยวข้องกับตน แต่ถ้ามันเกิดขึ้นได้ก็ดีต่อประเทศ และถ้าคนส่วนใหญ่เห็นชอบด้วยเราก็ยินดี เพราะต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งของความขัดแย้งก็มาจาก 2 พรรคใหญ่ ถ้าดีกันได้ก็ดี แต่จะกลับมาโกรธกันทะเลาะกันอีกไหม ถ้าแบบนั้นคือหลอกประชาชนหรือเปล่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ และขึ้นอยู่กับประชาชนด้วย
นายอนุทิน ในฐานะอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุถึงข้อเรียกร้องให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมายในทางการแพทย์ว่า เรื่องนี้ตอบยาก ขึ้นอยู่กับความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องโดย และเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันในวงการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ แต่สำหรับตนปัญหาด้านสาธารณสุขขณะนี้ ตนเน้นการให้บริการจะต้องดีที่สุด จะไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องพยาบาลกระทำรุนแรงกับผู้ป่วยอย่างที่เป็นข่าว ทั้งนี้ การแก้กฎหมายเรื่องกัญชา หลักของตนก็คืออะไรที่เป็นประโยชน์ตนเอาด้วย แต่ต้องถามผู้ปฏิบัติ ถ้าทุกฝ่ายเห็นด้วยเราก็พร้อมผลักดัน