นักวิชาการพระปกเกล้า ชี้ ใช้ ม.44 ช่วงเลือกตั้งน่ากลัวกว่า รมต.ไม่ลาออก เชื่อ “เพื่อไทย” ผสมพรรคพันธมิตร อาจได้แลนสไลด์ ชี้ นักการเมืองดังเลือก “ภูมิใจไทย” ก่อน พปชร.เพราะเสี่ยงน้อยกว่า
ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ สถาบันพระปกเกล้า เชื่อว่าความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ผนึกกำลังหลายภาคส่วนเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นคนในรัฐบาล อดีตแกนนำ กปปส. และอดีตแนวร่วมคนเสื้อแดง ซึ่งหมายความว่าขณะนี้พรรคพลังประชารัฐเอาจริง อาจคาดไปเป็นพรรคเบอร์สองเสียด้วยซ้ำ จึงเป็นที่มาของการไปดึงคนออกมาจากทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์
ขณะที่กระแสเรียกร้องให้ 4 รัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง เพราะไปดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคนั้น ถ้าว่ากันตามกฎหมายจริงๆก็สามารถทำได้ ตนไม่คาดหวังเรื่องการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ต้องดูเรื่องมารยาท และระมัดระวังเรื่องการอนุมัติงบประมาณในช่วงประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้ง โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลต่อการจูงใจประชาชนให้นิยมชมชอบ อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงเรื่องการใช้กฎหมายพิเศษ เช่น มาตรา 44 ในช่วงเลือกตั้งมากกว่า เพราะเป็นเงื่อนไขเดียวที่รัฐบาลปกติไม่มี
ดร.สติธร ยังกล่าวถึงกลุ่มการเมืองตระกูลดัง ที่หันไปซบพรรคภูมิใจไทย แทนที่พรรคพลังประชารัฐว่า วิเคราะห์ได้ 2 มุม คือหนึ่ง มุมปลอบใจผู้มีอำนาจ โดยอ้างว่านักการเมืองดีๆ จะมาสังกัดพลังประชารัฐ ส่วนนักการเมืองเทาๆ จะไปสังกัดภูมิใจไทย อันนี้คือมุมปลอบใจ ส่วนมุมที่สองซึ่งตนเห็นด้วยกับมุมนี้ คือ กลุ่มการเมืองเหล่านี้เขามีสิทธิเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด หรือสิ่งที่จะทำให้เขามั่นใจว่าจะกลับไปสู่สภาได้ชัวร์ที่สุด เพราะถ้าไปพลังประชารัฐต้องเสี่ยงไปลง ส.ส.เขต อย่างเดียว
นักวิชาการจากสถาบันพระปกเกล้า ยังพูดถึงสูตรคำนวณ ส.ส.ใหม่ว่า สิ่งที่อดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร พูดอาจเป็นจริงว่าจะชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ในแง่ที่ว่าไม่ใช่เฉพาะพรรคเพื่อไทย แต่หมายรวมถึงพรรคพันธมิตรของเพื่อไทย เช่น พรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อธรรม พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย ที่จะมารวบรวมคะแนนตกน้ำ เนื่องจากคะแนนเพื่อไทยจะกวาด ส.ส.เขตไปได้มาก แต่จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อย รวมไปรวมมาเผลอๆเกิน 250 คน
“ถ้าเรื่องเลือกตั้ง ขอบอกว่า จะหวังออกแบบระบบมาเอาเปรียบนักการเมืองนั้นคงยาก เพราะฉะนั้น เอาระบบง่ายๆไว้ก่อนดีกว่า ใครได้เสียงข้างมากก็ชนะไปเลย” ดร.สติธรกล่าว