นายเอกชัย ไชยนุวัติ นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ กล่าวถึงการเลือกตั้ง ซึ่งใช้ระบบบัตรเดียว ว่า เป็นระบบที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้การเมืองไทย กลับไปสู่ยุคแห่งการรอมชอมทางการเมือง ด้วยระบบนี้ จะไม่มีพรรคไหนได้คะแนนเกินครึ่ง แม้กระทั่งการได้ ส.ส.ทิ้งห่างเพื่อน 50 – 60 เสียง ยังเป็นเรื่องที่ลำบากมาก
จุดประสงค์เพื่อสกัดบางพรรคการเมืองไม่ให้มีเสียงจนตั้งรัฐบาลได้ อย่างไรก็ตาม ทุกระบบย่อมต้องแพ้ต่อเสียงประชาชน หากเสียงนั้นมีพลังมากพอ อยากให้ดูการเลือกตั้งที่มาเลเซีย ที่ออกแบบการเลือกตั้ง เอื้อให้ฝ่ายรัฐบาลกลับมาบริหารประเทศ แต่สุดท้าย ประชาชนก็ร่วมแรงร่วมใจ ใช้คูหาเลือกตั้ง อุ้ม “มหาเธร์” กลับมาได้สำเร็จ
นายเอกชัย กล่าวต่อว่า สังคมมักจะมองนักการเมืองว่าเห็นแก่ผลประโยชน์ และไม่เห็นหัวประชาชน ส่วนตัวขอค้าน เพราะหลังการเลือกตั้ง หากพรรคหนึ่งชนะ ได้เสียงทะลุ 200 เสียงขึ้นไป และทิ้งห่างพรรคเบอร์ 2 หลายสิบเสียง ถือว่ามีความชอบธรรมมากพอจะจัดตั้งรัฐบาล และพรรคการเมืองอื่นต้องเคารพเพราะเป็นมารยาทการเมือง
“อย่าลืมว่า ส.ส.เขาเกิดมาได้เพราะความไว้วางใจของประชาชน ดังนั้น เขาย่อมให้เกียรติประชาชน ส่วน ส.ว.250 คน เขาจะเชื่อฟังใคร ก็สุดแท้เขาจะตัดสินใจ”
เมื่อถามถึงกระแสคนรุ่นใหม่ทางการเมือง นายเอกชัย กล่าวว่า การมีหน้าใหม่ เข้ามาทำงานการเมือง ช่วยให้การเมืองไทยมีความกระปรี้กระเปร่ามากยิ่งขึ้น ส่วนข้อครหา คนรุ่นใหม่ ล้วนเป็นผลผลิตจะระบบเก่า เพราะเป็นลูกหลานของอดีตนักการเมือง ตนเชื่อว่าเป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะเข้ามาทำงานการเมือง ในต่างประเทศ นักการเมืองล้วนส่งไม้ต่อจากรุ่นสู่รุ่น อย่างไรก็ตาม ตนไม่เห็นด้วยที่คนรุ่นใหม่ ของบางพรรคซึ่งเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งโดยตรง ออกมาเชิญชวนให้ทุกคนก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะในความเป็นจริง คุณควรเรียกร้องความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสีย แทนการนำปัญหาซุกไว้ใต้พรม