สมรภูมิเลือกตั้ง ใกล้เปิดฉาก พรรคการเมืองเคลื่อนไหว เปิดตัวขุนพล จัดทัพรับศึกใหญ่ โดยเฉพาะเพื่อไทยที่แพ้ไม่ได้ การเลือกตั้งครั้งนี้ มีความหมายเกินกว่าที่หลายคนคาดคิด
ขณะที่กองหนุนแนวร่วม แนวต้าน คอการการเมือง ต่างวิเคราะห์ไหลลื่นตามหน้าสื่อทำนายว่า “ใคร” จะจับขั้ว “ใคร” ดัน “ใคร” ไปต่อ
ดังนั้นจึงเห็นข่าวว่าพรรคนู้นจะจับมือกับพรรคนี้ และไปดึงพรรคนั้นเข้าร่วม แบบวันต่อวัน ไม่ซ้ำกัน
พรรคที่ถูกจับโยงง่ายที่สุด หนีไม่พ้น “พรรคสายกลาง” ทั้ง ภูมิใจไทย ชาติไทย ชาติพัฒนา
โดยฉพาะภูมิใจไทย ที่ปรากฎข่าวตามหน้าสื่อบ่อยที่สุด เมื่อวานอยู่ข้างหนึ่ง วันนี้ไปอยู่อีกข้าง แต่ทำความเข้าใจได้ เพราะพรรคมีความเคลื่อนไหวในหน้าสื่ออยู่ตลอด พี่น้องนักข่าวคิดถึง ต้องนำมาเขียนถึงเป็นประจำ
นอกจากนั้น พรรคยังมีไมตรีกับทุกฝ่าย จึงง่ายต่อการจัดวางตำแหน่งแห่งที่ด้วยปลายปากกา เป็นงานหนักของสมาชิกพรรคที่ต้องออกมาประคองให้พรรคอยู่ในจุดที่เหมาะสม
ไปมา กลายเป็นพรรค “ตัวแปรต้น” ทางการเมืองไทย
ด้วยเหตุที่พรรคภูมิใจไทยเดินเกมทรงประสิทธิภาพ มีทั้งบุ๋น ทั้งบู้ แนวคิดพัฒนาประเทศชัด แถวได้นักการเมือง “ดี เด่น ดัง” มาเสริมทัพไม่ขาดสาย หลังบ้านทำงานหนัก ลุ้นเป้าเติบโตเป็นพรรคใหญ่ น่าจะกวาด ส.ส.ได้มากมาย
ดึงดูดให้ทุกขั้วอำนาจ ต้องกวักมือเรียก หากตกลงร่วมหอลงโลงกับใคร ฝ่ายนั้น ก็แบเบอร์ตั้งรัฐบาล
แต่ทั้งหมดดูจะเป็นการ “หลอกหน้าไพ่” เสียมากกว่า
เพราะการเมือง แท้จริงแล้วต้องมองกันให้ลึกหลายชั้น
วงในที่แท้ทรูต่างรู้กันว่า การเมืองไทย จะเดินไปทางไหน ตัวแปรหาใช่อยู่ที่พรรค “ภูมิใจไทย” และพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก เหมือนที่วิเคราะห์กันสนุกปาก
ทว่าอยู่ที่ความสำเร็จของ “พรรคเพื่อไทย” ในสนามเลือกตั้งเป็นหลัก
จับสัญญาณได้จากนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทย ที่ต่างบอกว่าทุกอย่างต้องดูผลเลือกตั้ง ฟังเสียงประชาชน ซึ่งน่าจะหมายความว่าจะเทไปทางไหน และ “พอ” หรือไม่
ที่ลึกไปกว่านั้นคือในทางการเมืองแล้ว พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็ก หาใช่พรรคเบอร์ 1-2 ที่จะเปิดหน้ารวมเสียงตั้งรัฐบาล
หน้าที่คือต้องรอให้ได้รับการ “เทียบเชิญ” เท่านั้น
ดังนั้น หลังเลือกตั้ง พรรค SME ทั้งหลาย จึงไม่ใช่ตัวเดินเกม
กลับกัน พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ต่างหาก คือ ฝ่ายที่ถือจอยเล่นเกมเลือกตั้ง โดยเฉพาะกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งชัดเจนว่าต้องได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1
แต่ในความเป็นอันดับ 1 และสามารถกำหนดเกมได้เอง จำเป็นต้องมี ส.ส.220 ที่นั่งขึ้นไป และทิ้งห่างพรรคเบอร์ 2 ที่ 50 เสียง จึงสามารถยืนเด่นเป็นสง่าเดินหน้าทาบทามพรรคอื่นให้มาเข้าร่วมได้อย่างชอบธรรม
ทั้งนี้ ฝ่ายตรงข้ามทราบดีว่า ตัวเลข 220 คือจุดชี้วัดการเมืองไทย หากเพื่อไทย สามารถทำได้ ในสถานการณ์ที่โดนสกัดกั้นจากทุกทิศทาง ก็ … ต้องยอมรับว่า เพื่อไทย ยังครองใจประชาชนจำนวนมาก การหักล้างถางโค่น ให้กลับไปเป็นฝ่ายค้าน อาจทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดความอ่อนไหว
ดังนั้น ฝ่ายตรงข้ามจะปล่อยให้เพื่อไทยคุมเกมในฐานะแกนนำรัฐบาล สามารถทาบทามพรรคการเมืองอื่นมาเสริมแกร่ง สร้างบ้าน แปลงเมืองกัน อย่างเต็มที่ เปิดช่องให้กลับมาผงาด
แต่ถ้าหากเพื่อไทย ทำไม่ได้ตามเป้า 220 ก็เท่ากับเพื่อไทย ยังไร้ซึ่งอำนาจต่อรองที่มากพอ จำเป็นต้องนั่งฝ่ายค้าน รอโอกาสบริหารชาติในอนาคต
เกมมันก็มีแค่นี้ ทุกสิ่ง ทุกอย่าง อยู่ในมือ “เพื่อไทย” หาใช่ปัจจัยรอบตัว
Ringsideการเมือง