นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ว่าที่โฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงการพาดพิงนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค รปช.ขอเงินสมาชิกวันละ 1 บาทเพื่อสนับสนุนพรรค รปช. เทียบกับกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ห้ามบางพรรคการเมืองรับบริจาค ว่า
เป็นคนละเรื่องกัน ตนขอชี้แจงว่า วันละ 1 บาทคือ ค่าสมาชิกพรรค ปีละ 365 บาทซึ่งจะเป็นกลไกที่สร้างวัฒนธรรมทางการเมืองใหม่ให้แก่ประเทศไทย สร้างความเป็นเจ้าของให้แก่สมาชิกพรรคจริงๆโดยไม่ต้องพึ่ง นายทุน นักจัดตั้ง นักเลือกตั้ง ให้เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์กับประเทศอีกต่อไป เป็นการเปิดพื้นที่ให้คนธรรมดาเข้ามามีที่ยืนในการเมืองไทยครั้งแรกของประวัติศาสตร์ไทย เช่น สมาชิกรปช. มี 1 แสนคน ก็จะได้เงิน 1 แสนบาทต่อวัน เท่ากับ 36.5 ล้านบาทต่อปี จะกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีเจ้าของคือประชาชนที่เป็นสมาชิก
“พรรค รปช.ไม่ได้ขอบริจาคเงินแต่อย่างใด แต่เป็นการดำเนินการเพื่อหาสมาชิกพรรคตามที่ กกต. อนุญาต ซึ่งพรรค รปช.ได้ทำตามกฎกติกาอย่างเข้มงวดมาตลอด ต่างกับกรณีของอีกพรรคที่ไม่ใช่การหาสมาชิกแต่เป็นการรับบริจาคเงินเข้าพรรคในช่วงที่ยังไม่ได้เปิดให้พรรคการเมืองมีการกระทำเช่นนั้น การที่ กกต.จะมีคำสั่งอย่างไรก็ควรเป็นไปตามกฎกติกา” นายเขตรัฐ ระบุ
ทั้งนี้ สาเหตุที่ พรรค รปช.ถูกโจมตีเรื่องเงินบริจาค เกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบเรื่องมาตรฐานระหว่าง 2 ฝ่ายการเมือง ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีโทรศัพท์ไปที่พรรคอนาคตใหม่และแจ้งห้ามเรื่องการรับเงินบริจาค รวมถึงห้ามการขายสินค้าที่ระลึกของพรรคเพื่อระดมทุนเข้าพรรค โดยอ้างว่าเป็นการจัดกิจกรรมทางการเมือง ขัดคำสั่ง คสช.
นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค กล่าวว่า กกต.ต้องไม่เป็นไปตามกลไกหนึ่งของคสช. ที่ผ่านมา พรรคอนาคตใหม่ มีอุปสรรคตลอดเวลา รอเวลา 97 วัน กว่าจะเป็นพรรค ถูกห้ามหาเสียง วันนี้มีอีกแล้วเรื่องห้ามระดมทุน ตนเรียกร้องให้ กกต.ออกมติเป็นคำสั่งชัดเจนว่า ห้ามพรรคการเมืองระดมทุน เพื่อพรรคจะไปฟ้องขอถอนคำสั่งนี้ต่อไป นอกจากนี้ ขอเรียกร้องพี่น้องช่วยกันสมัครเข้ามาเป็นสมัครสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพ 2,000 บาท โดยเราจะนำมาเป็นงบประมาณหาเสียงเลือกตั้ง ขอเชิญชวนทุกคนแปรวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาส สมัครสมาชิกให้ถล่มทลายมากที่สุด หากใครเห็นว่ากฎหมายนี้ไม่เป็นธรรม
ขอตั้งข้อสังเกตว่า คำสั่งคสช.ที่เขียนไว้อย่างกว้างต่อการบริจาคนั้น กกต.ได้วางแนวว่า ให้รับบริจาคในระดับกรรมการบริหารพรรค และกรรมการสาขาพรรคได้ ซึ่งจะมีแค่คนไม่กี่คน หมายความว่าผูกขาดโดยคนไม่กี่คน ดังนั้น เจตนาจะให้เป็นพรรคการเมืองของทุกคนจึงเป็นไปไม่ได้เลย ขอแนะนำให้ กกต.ตีความใหม่ เพื่อบังคับใช้กฎหมายโดยสนับสนุนพรรคการเมือง ไม่ใช่ตีความกฎหมายสกัดกั้นพรรคการเมือง