จากกรณีที่พรรคภูมิใจไทย ประกาศเปิดตัวทีมงาน NEW BLOOD อาทิ พันเอก ดร. เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธาน กสทช. เข้ามารับตำแหน่งโฆษกพรรค และทีมนโยบายด้านดิจิตัล, ดร. พะโยม ชิณวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ในฐานะทีมนโยบายการศึกษา และนายจุลภาส “ทอม” เครือโสภณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศ อดีตกรรมการ บ.Thai air asiaX และอดีตทีมหาเสียงของ ปธน.บิล คลินตัน ในฐานะทีมนโยบายการท่องเที่ยวและต่างประเทศ สร้างความฮือฮาตามหน้าสื่อ
ล่าสุด ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง นักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต กล่าวว่า การได้ ผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง3 ท่านมาเป็นคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ให้พรรคภูมิใจไทย ย่อมส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นการตอบโจทย์สิ่งที่พรรคตามหามาโดยตลอด คือการยอมรับจากชนชั้นกลางในเมือง
ทั้งสามท่านมีต้นทุนความน่าเชื่อถือจากความรู้ความเชี่ยวชาญและประวัติการทำงานมา เป็นที่ยอมรับจากสังคม จึงเป็นน่าสนใจว่าภาพลักษณ์ของพรรคภูมิใจไทยจะไม่ใช่พรรคขนาดกลาง แต่พร้อมจะกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ในอนาคต สำหรับเป็นพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาร่วมงานได้อย่างสนิทใจ
เมื่อถามถึงความนิยมของพรรคภูมิใจไทย จะดีขึ้นหรือไม่ นักวิชาการประจำมหาวิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต ตอบว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งเมื่อปี 2554 ซึ่งกระแสของพรรคใหญ่มาแรงมาก แต่คราวนี้คะแนนจะเกลี่ยกันมากขึ้น พรรคการเมืองใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะ มีบุคคลสาธารณะเข้ามาร่วมงานทางการเมืองหลากหลาย ดังนั้นคะแนนตัวผู้สมัคร-นโยบายพรรค และการทำ Political marketing จึงสำคัญเพื่อให้ประชาชนได้ทราบข่าวกิจกรรมและนโยบายพรรค หากมีพื้นที่ตรงนี้สม่ำเสมอ พรรคภูมิใจไทยน่าจะได้ตัวเลข ส.ส. มากขึ้นกว่าเดิม
“พรรคภูมิใจไทยพยายามตีโจทย์ให้สังคมไทยรับทราบผ่าน นโยบายพรรคที่ต้องการ “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” อันนำไปสู่การพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐานให้ประชาชนมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น การไม่ปิดทางเดินตัวเองไว้แค่ฐานทางการเมืองไว้แค่ บุรีรัมย์-โคราช ตามความเชื่อดั้งเดิมของผู้คนในสังคมไทย แต่ต้องการเขย่าความรู้สึกนึกคิดให้สังคมทราบว่า ภูมิใจไทย ณ ขณะนี้ขออาสาเป็นทางเลือกให้คนไทยทุกกลุ่มทุกภูมิภาค และไม่ยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้ง ซึ่งสะท้อนตัวตนของหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ทั้งนี้ แม้จะวางตัวถอยห่างจากปัญหาความวุ่นวาย ทว่าตามธรรมชาติการเมือง ย่อมถูกโจมตี แต่เชื่อว่าระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เจตนารมณ์ของพรรคในที่สุด”