พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธาน กสทช. ในฐานะโฆษกและทีมยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงเหตุผลในการร่วมงานกับพรรคว่า ตนมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของระบบสื่อสาร สมัยทำงานอยู่ กสทช.หน้าที่คือการดูแล จัดการการออกใบอนุญาตคลื่นความถี่ เมื่อออกใบอนุญาตเสร็จ ภารกิจของตนก็จบ ทั้งที่อยากเห็นคลื่นความถี่ หรือเทคโนโลยีที่ออกไป สร้างคุณค่ามากกว่าที่กรอบกำหนด แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจ เหมือนเวลาสร้างถนน แล้วเห็นแต่รถวิ่ง ทั้งที่มันสามารถสร้างอย่างอื่นริมถนนได้
เช่นเดียวกัน เทคโนโลยีการสื่อสารเป็นได้มากกว่าสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต เพราะมันคือการสร้างสังคมโซเชียล เชื่อมประชาชนให้ถึงกัน และควรจะสร้างโอกาสในการให้ประชาชาชนสร้างรายได้รูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า ธุรกิจแบ่งปัน อาทิ grab และ airbnb ซึ่งเอาทรัพย์สินของตนเองมาแบ่งเช่า นี่คือตัวอย่าง
มาถึงจุดหนึ่ง ถึงประชาชนจะคิดออกว่าควรจะเอามือถือที่อยู่ในมือ กับทรัพย์สินของตนเองไปทำอะไรได้บ้าง หรือควรจะใช้เทคโนโลยีไปหาประโยชน์อะไร ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ แต่สุดท้ายมันติดกฎเก่าๆ ทั้งประกาศ ทั้งกฎหมาย จึงไม่เกิดอาชีพใหม่ๆ นี่คือปัญหาที่มองเห็น และมันต้องรีบไปแก้ไข ประชาชนไม่ควรจะถูกทำลายโอกาสไปมากกว่านี้ ซึ่งการทำงานอยู่ที่ กสทช. ตนคิดได้ แต่ไม่มีอำนาจ
ต่อมามีโอกาสคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เราคิดเหมือนกันว่า จะทำอย่างให้ประชาชนได้ใช้เทคโนโลยีสื่อสารเพื่อสร้างงานสร้างอาชีพ สร้างโอกาสใหม่ สร้างความรู้ อำนวยความสะดวกให้คนในชาติ ท่านต้องการคนมีประสบการณ์มาทำงาน และความคิดของผมจำเป็นต้องให้ฝ่ายการเมืองช่วย ตรงนี้ เป็นเหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย
เมื่อถามถึงการเข้ามารับตำแหน่งโฆษกพรรค พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า เป็นงานที่เคยทำมาบ้าง เพราะตอนที่ทำงานใน กสทช. ก็ต้องตอบคำถามสื่อมวลชนมากมาย แต่อาจจะเปลี่ยนไปในส่วนของเนื้อหา เพราะการทำงานการเมือง ต้องตอบคำถามการเมือง แต่คิดว่ารับมือได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวหวังทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ คือ อธิบายแนวคิดของพรรค และจะเลี่ยงการโต้ตอบทางการเมืองในลักษณะของการสาดโคลน