นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปบรรยายในหัวข้อ “ประสบการณ์ทางการเมืองของข้าพเจ้า” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการบรรยายสาธารณะ รายวิชารัฐธรรมนูญและสถาบันทางการเมือง ให้กับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เนื่องจากมีนักศึกษามาร่วมรับฟังนับร้อยคน
นายอนุทิน ระบุว่า นับเป็นปีที่ 16 แล้วที่เริ่มเข้าสู่วงการการเมืองอย่างจริงจัง ซึ่งคำว่า “การเมือง” ไม่ใช่สิ่งที่น่ารังเกียจ แต่เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหลักการของการเมืองก็คือ ใครก็ตามที่ถืออำนาจจากประชาชนแล้วมาบริหาร คนๆ นั้นคือ “นักการเมือง” ฉะนั้น หากสถาบันนักการเมืองถูกดูหมิ่นดูแคลน ถูกเกลียดชังแล้ว ก็จะไม่มีใครกล้าอาสาเข้ามาบริหารบ้านเมือง
อย่างไรก็ตาม การทำงานการเมืองให้ประสบความสำเร็จ ต้องรู้จักการประยุกต์ทั้งศาสตร์และศิลป์ นั่นก็คือการใช้หลัก “รัฐศาสตร์” โดยหลักการนี้ สามารถทำให้ตนรอดพ้นจากวิฤติล้มละลายทางธุรกิจ ของบริษัทซิโน-ไทยฯ มาแล้วเช่นกัน ในสมัยที่ตนอายุเพียง 30 ปี แต่กลับต้องแบกรับภาระหนี้สินหลายพันล้านบาทในชั่วข้ามคืน จากวิกฤติค่าเงินบาทลอยตัว ก็นำหลักคิดทางวิศวกรรมศาสตร์ คือ มุมตก = มุมสะท้อน ทำให้ได้ข้อคิด และมีสติมาเป็นแนวทางบริหารจัดการหนี้ โดยใช้การเจรจากับเจ้าหนี้แบบรัฐศาสตร์ และยึดหลัก “ต้องมีรากฐานที่แข็งแกร่ง” “ไม่ทำอะไรเกินตัว” และ “รักษาสภาพคล่องให้ดีที่สุด” จนสามารถปลดหนี้ได้หมดในระยะเวลาอันสั้น
เช่นเดียวกับวิกฤติทางการเมือง หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ตนก็เคยผ่านการถูกตัดสิทธิทางการเมือง ซึ่งมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย รวมถึงเคยผ่านเหตุการณ์รัฐประหารมาหลายครั้ง ผ่านเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองก็หลายครั้ง แต่สิ่งที่ตนภูมิใจ คือ สมัยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เคยเรียกตัวเองว่าเป็น “ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อประจำกระทรวง” เพราะนำเอาประสบการณ์ทางธุรกิจมาใช้ เนื่องจากตนสามารถประเมินราคาต้นทุนที่แท้จริง ทำให้กระทรวงได้ของที่ถูกกว่าการจัดซื้อจัดจ้างทั่วๆไป จึงเป็นเรื่องที่ตนภูมิใจ จากการช่วยประหยัดงบประมาณและช่วยรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดินได้จำนวนมาก จนถูกนำเอาหลักเกณฑ์ที่สร้างไว้ไปใช้กับกระทรวงอื่นๆ
นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า ด้วยประสบการณ์ทั้งในด้านการบริหารบริษัทขนาดใหญ่ และงานการเมืองที่ผ่านมา ทำให้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมเสมอในสนามเลือกตั้ง แม้หลายคนจะกังวลว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริงตามโรดแมปหรือไม่ หรือหลังเลือกตั้งแล้วประเทศไทยจะไปทางไหน แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่า บ้านเมืองของเรายังไปได้เพราะมีพื้นฐานที่ดี ซึ่งถามว่าภูมิใจไทยพร้อมขนาดไหน ก็ขอตอบว่า ต่อให้มะรืนนี้เลือกตั้ง เราก็จัดการได้
นายอนุทิน ยังได้ฝากถึงบรรดานักศึกษา ให้รู้จักหวงแหนสิทธิทางการเมือง โดยเฉพาะสิทธิในการเลือกตั้ง คนที่เคยถูกตัดสิทธิอย่างตน รู้ซึ้งเป็นอย่างดี และฝากให้พิจารณาให้ถี่ถ้วนในคูหา เพราะนี่คือบ้านเมืองของเรา ส่วนจุดยืนของพรรคภูมิใจไทยนั้น ก็ขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงของประชาชนเช่นกัน ที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทาง
“ณ วันนี้ ถ้าถามว่าผมจะไปอยู่กับฝ่ายไหน ผมไม่สามารถรู้ได้ เพราะพรรคไม่ใช่ของผม พรรคเป็นของประชาชน ผมตอบได้อย่างเดียวว่า ผมสามารถแปลความหมายจากคะแนนเสียงที่พรรคภูมิใจไทยได้รับ ว่าประชาชนตัดสินใจให้พรรคมีจุดยืนอย่างไร นี่คือหลักของผม” นายอนุทินกล่าว