ดร.สติธร ธนานิธิโชติ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. หันมาใช้ช่องทางโซเชียลมีเดีย ในการติดต่อสื่อสารกับประชาชนในช่วงนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเคยปฏิเสธมาแล้วว่า
อาจจะฝึกความอดทน และสร้างพื้นที่สื่อสารของตัวเองเพื่อทดลองตลาด ก่อนตัดสินใจเข้าสู่วงการการเมือง เช่น กระโดดมาอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯ รอบแรก สอดคล้องกับที่เคยบอกว่าสนใจงานด้านการเมือง เพราะพื้นที่โซเชียลมีเดีย เราสามารถจับกระแส หยั่งเชิงจากแฟนเพจที่เข้าไปตอบโต้ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีคำชมก็ตาม เชื่อว่าตรงนี้นายกฯ คงทำใจไว้แล้ว เพราะถ้าเปิดพื้นที่รับฟังความเห็น อย่างไรเสีย ต้องมีคนด่ามากกว่าคนชม
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือ ท่านจะทนไหวหรือไม่ เพราะเป็นนายกฯที่มีอำนาจเต็มมาก่อน คนก็ไม่ค่อยกล้าวิพากษ์วิจารณ์มาพักใหญ่ พอวันหนึ่งที่ใกล้เลือกตั้งซึ่งต้องเปิดหน้าเปิดตัว จะรับคอมเมนต์ไหวหรือไม่
ที่สำคัญ ทีมงานต้องไปเตือน พล.อ.ประยุทธ์ว่า ถ้าจะเปิดช่องทางสื่อสารแบบ 2 ทาง ก็ต้องให้มันเป็นช่องทางสื่อสารจริงๆ ไม่ใช่เปิดเอาแล้วแล้วเลือกรับเฉพาะความเห็นด้านดีๆ ด้านเดียว มิเช่นนั้นจะไม่เกิดประโยชน์สำหรับท่าน เพราะต้องยอมรับว่าสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ต่างจากนักการเมืองทั่วไปคือ ท่านเข้าถึงตัวยาก ไม่เหมือนบรรดาอดีต ส.ส. ที่ทั้งเข้าถึงง่ายกว่าและเล่นสื่อออนไลน์คลุกคลีกับชาวบ้านมานานแล้ว หากท่านทำได้ ทีมงานก็อาจนำความเห็นด้านลบ มาแปรเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ คือการวิเคราะห์ปัญหาเป็นนโยบายที่ประชาชนต้องการ
ดร.สติธร ยังเชื่ออีกว่า ทิศทางการโพสต์ของ พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากนี้ จะไม่เน้นเรื่องนโยบาย หรือเนื้อหาสาระที่ยากๆ เหมือนแต่ก่อน เพราะรู้ว่าไม่ประสบความสำเร็จ จึงจะหันมาโพสต์เรื่องราวทั่วไป และมุมน่ารักๆ รวมทั้งการโหนกระแส เช่น ล่าสุดที่โพสต์ภาพเซลฟี่กับทีมหมูป่าฯ