รศ. สุขุม นวลสกุล กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคภูมิใจไทย หลังได้บุคคลมีชื่อเสียงมาร่วมงานกับพรรค ว่า พรรคภูมิใจไทยพยายามสร้างกระแสให้พรรค จากพรรคที่มีแต่ ส.ส.ต่างจังหวัด กุมพื้นที่ไม่กี่จุด เป็นพรรคของคนต่างจังหวัด มาเป็นพรรคที่เห็นความสำคัญของปัญหาระดับมหภาพมากขึ้น มีบุคคลชื่อเสียงระดับประเทศเข้ามาร่วมพรรค ตนมองว่าเป็นการเสริมแกร่งให้กับกลุ่มผู้สมัครในพื้นที่ จากที่เป็นดาวฤกษ์กันอยู่แล้ว ก็ให้มันเรืองแสงขึ้นไปอีก ให้ผู้สมัครมีเครื่องมือในการหาเสียงกับทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มชาวบ้าน และกลุ่มที่มีการศึกษาสูงหน่อย ที่ต้องการเรื่องของภาพลักษณ์มาช่วยในการตัดสินใจ เป็นการติดอาวุธให้กับผู้สมัคร
เมื่อถามต่อว่า พรรคภูมิใจไทยจะเอาตัวรอดจากข้อกล่าวหาในอดีตได้อย่างไร รศ.สุขุม กล่าวว่า ส่วนตัวผมยังต้องถามกลับเลยว่าเหตุการณ์ที่พรรคไปจับมือกับประชาธิปัตย์นั้น มันเกิดขึ้นปีไหน และมีใครรู้ข้อเท็จจริงกันบ้าง มีอะไรอยู่เบื้องหลัง มันนานมากแล้ว สังคมก็เริ่มเลือนลางไปแล้ว ส่วนตัวเข้าใจการตัดสินใจของพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องทำเช่นนั้น เพราะถ้าไม่ทำ บ้านเมืองมันต้องเจอกับทางตัน ระบอบประชาธิปไตย มันจะเกิดทางตันไม่ได้ เพราะมันจะมีปัญหาแทรกซ้อน ถ้ามองแบบกองเชียร์พรรคภูมิใจไทย การตัดสินใจของพรรคคือทางรอดของระบอบรัฐสภา
ยิ่งมาบอกว่าเป็นพรรคปลาไหล ไร้จุดยืน ผมมองว่า ไม่ยุติธรรมกับภูมิใจไทย เพราะหลังจากที่เขาไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์เขาเป็นฝ่ายรัฐบาลได้ 2 ปี ที่เหลือเป็นฝ่ายค้านหมดเลยนะ ถ้าเป็นพรรคปลาไหลจริง หลังเลือกตั้ง 54 เขาต้องเข้ามาเป็นรัฐบาลแล้ว เพราะอย่าลืมว่าฝ่ายรัฐบาล ที่สุดแล้วก็ต้องการเสียงสนับสนุนในสภามากที่สุด ส่วนในอนาคตพรรคจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาลมันตอบยาก เพราะคนเก่าๆในพรรค ก็ถอยกันไปหลายคนแล้ว พรรคเปลี่ยนไปมาก
“การเลือกตั้ง 62 ถ้าผมเป็นทีมยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย ผมจะใช้หัวหน้าพรรคอย่างนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นพระเอกในการหาเสียง เพราะเข้าลักษณะของการเป็นฮีโร่ ที่คนไทยชอบ คือเป็นคนดี เสียสละ มีความสามารถ ซึ่งนายอนุทินมีครบ และอยู่ในวัยที่เหมาะสม มีไฟ มีประสบการณ์ ที่ผ่านมาไม่เคยมีคดีความ ประสบความสำเร็จในการบริหารบริษัทขนาดใหญ่ แถมยังขับเครื่องบินช่วยแพทย์รับส่งอวัยวะ ช่วยชีวิตคนอื่น สิ่งเหล่านี้ เรียกว่าความเพียบพร้อมทางการเมือง มาถึงตอนนี้ มีของดีก็ต้องโชว์”