ดร.สติธร ธนานิธิโชติ ผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐศาสตร์ ประจำสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงกลยุทธ์การเลือกตั้ง ของแต่ละพรรคการเมืองว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ จะเห็นความชัดเจนเมื่อได้หัวหน้าพรรคเป็นที่เรียบร้อย ส่วนพรรคเพื่อไทย แผนของเขาน่าจะเป็นการให้พรรคเพื่อไทยไปเก็บ ส.ส.เขต เป็นหลัก โดยจะมีการสื่อสารกับพรรคเครือข่ายว่า ในพื้นที่ ที่เพื่อไทยต้องชนะ พรรคเครือข่ายต้องยอมแพ้ไป แต่ในพื้นที่ ซึ่งเพื่อไทยยังไม่มั่นใจนัก น่าจะปล่อยให้พรรคเครือข่ายไปเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อมารวมกันให้ได้ 250 เสียง
ส่วนโอกาสจะทำสำเร็จแค่ไหนต้องขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ว่าจะสกัดเพื่อไทยได้หรือไม่ ซึ่งตอนนี้ยังเดาพลังของพรรคพลังประชารัฐ ไม่ออก เพราะถ้าการเลือกตั้งขยับไปเป็นเดือนพฤษภาคม พรรคพลังประชารัฐมีโอกาสได้นักการเมืองเก่งๆเข้ามาเสริมทัพอีกมาก
“สำหรับพรรคขนาดกลางอย่างพรรคภูมิใจไทย ณ จุดนี้ ต้องรักษาจุดยืนตรงกลางให้ได้อย่างมั่นคง เพราะยังมีคนอีกจำนวนมากที่ต้องการเลือกพรรคที่ไม่อยู่ในขั้วความขัดแย้ง ขณะเดียวกันพรรค ต้องเดินหน้าเรื่องนโยบายอยู่ตลอด พร้อมไปกับการสร้างภาพลักษณ์ ให้เป็นพรรคการเมืองที่มุ่งมั่นทำนโยบายให้เป็นรูปธรรม แต่ก็พร้อมจะเป็นฝ่ายตรวจสอบเช่นกัน
เมื่อถามถึงการเหน็บแนมของสังคมบางส่วนที่มีต่อพรรคภูมิใจไทย ว่าเป็นพรรคไร้จุดยืน ดร.สติธร กล่าวว่า ถ้าฟังคำวิจารณ์แล้วเอียงข้าง ตัวตนของพรรคจะหายไปทันที สิ่งที่ตามมาคือ คนที่อยู่ตรงกลางจะไม่เลือก เช่นเดียวกับคนที่อยู่ฝ่ายคุณทักษิณ ก็ไม่เลือก เพราะเขาเชียร์เพื่อไทย คนที่อยู่ฝ่ายรัฐบาลปัจจุบัน ก็ไม่เลือก เพราะเขาเชียร์พลังประชารัฐ ความท้าทายของพรรคภูมิใจไทย คือการประคองตนเอง ที่ผ่านมาพรรคทำได้ดีมาโดยตลอด”
สำหรับกลุ่มพรรคที่น่าเป็นห่วงที่สุด ดร.สติธร กล่าวว่า กลุ่มพรรคเล็กที่หนุนพลเอกประยุทธ์ กำลังถูกพรรคพลังประชารัฐแย่งชิงทรัพยากรไปหมด มีแนวโน้มสูง ที่จะประสบกับความล้มเหลวในการเลือกตั้งครั้งนี้