มติชน รายงานว่า ว่าที่ ร.ต.พณนคร ดิวรางกูร ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พิจิตร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึง ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศถึงเรื่องพรรคการเมืองไทย และความเคลื่อนไหวของบรรดาอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปพบว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นสิ่งบ่งชี้ว่า พรรคการเมืองนี้มีการบริหารงานแบบรวมศูนย์อำนาจไว้ที่คนเดียวตระกูลเดียวคือตระกูลชินวัตร จึงไม่ใช่พรรคการเมืองประชาธิปไตยที่แท้จริง จึงเป็นห่วงว่าจะขัดเจตนารมณ์ของกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 87 วรรคแรก และ มาตรา 90 ซึ่งกำหนดให้พรรคการเมืองเป็นผู้ดำเนินการและพระราชบัญญัติพรรคการเมือง 2560 หมวด 3 ทั้งหมวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 50 และ 51 หากความปรากฏชัดว่าพรรคการเมืองนี้จะได้เป็นผู้สมัครส.ส.หรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายใหญ่ ก็จะเป็นการกระทำความผิดกฎหมาย ทำให้เป็นโมฆะทั้งหมด และมีความผิดเป็นข้อห้ามตาม มาตรา 54 และ 55 ห้ามไว้ไม่ให้บุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการของพรรคการเมืองนั้น ดร.ทักษิณ ซึ่งก็เป็นบุคคลนอกประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค เข้ามาก้าวก่ายกิจการพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นการกระทำผิด
ว่าที่ ร.ต.พณนคร ระบุอีกว่า พรรคการเมืองซึ่งจดทะเบียนกับนายทะเบียนพรรคการเมืองและส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้แทนราษฎร ล้วนเป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งสิ้น พรรคพลังประชารัฐก็เช่นกันก็เป็นฝ่ายประชาธิปไตย มีอิสระในการบริหารงาน
“ประชาธิปไตยที่แท้จริงควรเป็นเรื่องของประชาชน มาจากประชาชน ไม่ใช่บางพรรคการเมืองมีทุนขนาดใหญ่ทางการเมืองจากคนในต่างประเทศสนับสนุนอยู่ แล้วมาหลอกประชาชนว่า พรรคตนเองเป็นประชาธิปไตย ทั้งที่เห็นกันชัดๆ ไม่ได้รังเกียจใครเป็นการส่วนตัวแต่อยากให้ประชาชนเห็นว่า ประชาธิปไตยเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของทุนจากตระกูลใดตระกูลหนึ่งส่งคนมาเล่นการเมืองกับประชาชน” ว่าที่ ร.ต.พณนคร กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะขอให้ กกต.ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายครอบงำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลพยานหลักฐานทั้งจากภาพถ่าย คลิป และข่าว รวมถึงความเห็นของบุคคลต่างๆ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งการจะเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่ กกต.จะพิจารณาว่าพรรคการเมืองนั้นขาดความเป็นอิสระในการดำเนินกิจกรรมหรือไม่ หากเข้าข่ายความผิด จะส่งผลให้พรรคการเมืองนั้นถูกยุบพรรค
ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี กกต. รับลูก พล.อ.ประวิตร ว่า เลขาฯ กกต.คงตอบคำถามไปตามหลักการทั่วไป คงไม่ได้มีธงหรือรับใบสั่งใครในการมายุบพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ความปรารถนาของคนในประเทศต้องการให้ กกต.ควบคุมและบริหารจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรม เพื่อให้ผลการเลือกตั้งสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศ พร้อมยืนยันว่า ดร.ทักษิณ ไม่ได้ครอบงำพรรคเพื่อไทยแน่นอน แต่ กกต.จะถูก พล.อ.ประวิตรครอบงำหรือไม่ ต้องให้การทำงานเป็นเครื่องพิสูจน์