การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 2562 ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญของประเทศไทย ภายหลังจากที่เราว่างเว้นมานานหลายปี ตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดเมื่อ ปี 2554 หลังจากนั้นก็มีการเลือกตั้งเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แต่ก็เป็นโมฆะ และมีความวุ่นวายมาก จนกระทั่งเกิดปัญหาตามมามากมาย
ดังนั้น จึงถือเป็นการเลือกตั้งครั้งแรก หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 จนถึงวันนี้ก็กินเวลานานเกือบ 5 ปี ถือเป็นระยะเวลาที่ประเทศไทยหยุดอยู่กับที่ ยังไม่นับรวมก่อนวันที่ คสช.เข้ามายึดอำนาจ
การเลือกตั้งปี 2562 จึงมีความหมายมากกว่าที่คาดกันไว้มาก เพราะมันคือ อนาคต ความหวัง และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ความหมายไม่ใช่แค่การหย่อนบัตร แต่มันมีความหมายมากกว่านั้นมากมาย ประชาธิปไตยที่หยั่งรากฝังลึกมาในสังคมไทยที่ยาวนาน มาถูกพังทลายครืนลงไปในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กับ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กติกาใหม่ บรรยากาศการเมืองแบบใหม่ โฉมหน้าประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น
นอกจากระยะที่ คสช.อยู่ในอำนาจทอดยาว สิ่งสำคัญที่สุดคือ การถูกปิดกั้นการแสดงออกถึงเสรีภาพของคนรุ่นใหม่ การปิดกั้นความคิด การปิดกั้นสิทธิ และการที่ต้องเติบโตมาในสภาวะการขาดเสรีภาพขั้นพื้นฐาน การแสดงความคิดเห็นที่โดนเพ่งเล็ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ จนไปถึงเรื่องใหญ่ๆ ในสังคมที่ปราศจากการเลือกตั้ง จากสังคมรอบข้างในการแสดงทัศนะที่เกี่ยวกับการเมือง การตั้งคำถามของสังคมกับการเข้าไปมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่ และการเป็นวัยแห่งการเรียนรู้ของคนรุ่นใหม่ บรรยากาศที่ทำให้เกิดคำถามต่อสภาพสังคมที่เป็นอย่างทุกวันนี้
นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ระบุว่า การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2562 ถือเป็นโอกาสดีที่น้อง ๆ เยาวชนไทยคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่มีอายุครบ 18 ปี สามารถใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรก ซึ่งต้องถือว่าพลังคนรุ่นใหม่เหล่านี้เป็นพลังที่บริสุทธิ์ และมีความคิดเป็นของตัวเอง การที่บรรดาน้องๆเหล่านี้จะไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็คงมีการพิจารณาถึงพรรคการเมืองที่คิดว่าจะแก้ปัญหาให้ประเทศชาติได้ เสียงของน้องเหล่านี้เป็นเสียงบริสุทธิ ไม่มีใครไปชี้นำได้อย่างแน่นอน และเชื่อว่าจะเป็นมิติใหม่ทางการเมือง
“ต้องขอบอกว่าน้อง ๆ เหล่านี้ว่าควรมองจากภายนอกเข้ามา เพื่อที่จะพิจารณาว่าแนวทางของพรรคการเมืองไหน มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด โดยเฉพาะด้านการศึกษา พรรคการเมืองไหนมีแนวทางในทำนโยบายด้านการศึกษาที่เห็นว่าจะส่งผลต่ออนาคตของชาติและก่อให้เกิดประโยชน์กับทั้งเยาวชนและประเทศชาติ การดำเนินนโยบายการการศึกษาที่จับต้องได้ ทั้งการเรียนฟรีจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี การแก้ปัญหาเรื่องของหนี้สินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ.อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผ่อนภาระอันหนักอึ้งของนักศึกษาและครอบครัว ตลอดจนเยาวชนที่จบการศึกษามาแล้วกำลังมีปัญหาเรื่องดังกล่าวอยู่ ซึ่งแนวคิดดังกล่าวเป็นเรื่องที่จะมีประโยชน์กับน้อง ๆ อย่างแน่นอน ที่ผ่านมายังไม่พรรคการเมืองไหนประกาศแนวทางด้านการศึกษาชัดเจนขนาดนี้ ในฐานะที่ตนมองจากภายเข้ามาก็จะเห็นว่ายังไม่มีเคยการนำเสนอแนวทางด้านการศึกษาที่จะทำให้เยาวชนเหล่านี้เดินไปได้อย่างมั่นคงในอนาคต”
นายบุญลือ กล่าวด้วยว่า ทุกพรรคการเมืองมองเยาวชนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน แต่ยังไม่มีพรรคการเมืองไหนที่จะตอบโจทย์ของเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการวางแนวทางการศึกษา การสร้างอาชีพ การสร้างงาน และการส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ก้าวขึ้นมาเป็นนักธุรกิจในอนาคต ดังนั้น ในฐานะนักการเมือง พรรคการเมือง เราต้องสร้างอนาคต วางอนาคตให้กับเขา อย่าหวังเพียงคะแนนเสียง แต่เราต้องเชื่อว่าในตัวเยาวชนเหล่านี้ว่าจะเป็นกำลังสำคัญของชาติในอนาคต
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2555 – 2560 พบว่ามีคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่เคยได้สัมผัสการเลือกตั้งระดับประเทศมีจำนวนมากถึง 5,616,261 คน ซึ่งถ้านับช่วงอายุจะเป็นคนรุ่นใหม่อายุไม่เกิน 22 ปี ในปัจจุบัน โดยยังไม่รวมปี 2561 ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย ซึ่งถ้ายิ่งยื้อการเลือกตั้งออกไปนานเท่าไหร่ จำนวนคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ก็จะยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ อาจจะมากถึง 11 % ของผู้ใช้สิทธิทั้งหมด
จำนวนคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยสัมผัสบรรยากาศการเลือกตั้ง การหาเสียง การรณรงค์ การเข้าคูหา และการนับคะแนน ซึ่งทั้งหมด คือบรรยากาศของความเป็นประชาธิปไตย นับเป็นการเสียโอกาสในการเรียนรู้ประสบการณ์การเลือกตั้งซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย เพราะในโลกของเสรีนิยม การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือว่าสิทธิการเลือกตั้งคือปัจจัยขึ้นพื้นฐานของความเป็นพลเมืองที่ทุกคนพึงมี แต่การที่ไม่ได้โอกาสในการใช้สิทธินั้น จะเป็นปัจจัยให้การเลือกตั้ง ในปี 2562 เป็นสนามขับเคลื่อนพลังของคนรุ่นใหม่ก็ว่าได้
ดังนั้น การเลือกตั้งปี 2562 จึงเป็นการเลือกตั้งที่มีความหมายยิ่ง และถือเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของคนรุ่นใหม่จำนวนมากกว่า 5.6 ล้านคน ที่ยังไม่เคยสัมผัสบรรยากาศการเข้าคูหา กาบัตรเลือกตั้งเลยสักครั้งในชีวิต เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่ได้รับการจับตามองอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการก้าวต่อไปในอนาคตของคนรุ่นใหม่ด้วย
การที่จะได้เห็นสิ่งใหม่ ๆ จากพลังของคนรุ่นใหม่ ๆ นับจากนี้ ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ เพราะอนาคตข้างหน้า คนรุ่นใหม่ที่กำลังเติบโตจะเป็นตัวกำหนดทิศทางของสังคมและประเทศต่อไปไม่มากก็น้อย ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรามักให้นิยามกันว่า “พลังของคนรุ่นใหม่” นั่นเอง
วัฒนา อ่อนกำปัง ทีมข่าว Ringsideการเมือง รายงาน