นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต รมช.คมนาคม นายจรูญพงศ์ พันธุ์ศรีนคร นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีความไม่ชอบพามากลเอาเปรียบกันจากการแบ่งเขตเลือกตั้ง ส.ส.ใน จ.นครราชสีมา ที่มีปัญหาว่า อาจมีการใช้อิทธิพลเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้งส.ส.ซึ่งอาจไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์แบ่งเขตเลือกตั้ง โดยมีความพยายามผ่าอำเภอเดียวออกไปเป็นหลายเขตเลือกตั้ง โดยรูปแบบดังกล่าวไม่มีการเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนได้แสดงความคิดเห็นและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ นายจรูญพงศ์ เปิดเผยว่า อำเภอพิมาย ถูกแบ่งออกไปเป็น 3 เขตเลือกตั้ง และยังพยายามผ่าอำเภอขนาดใหญ่อีก 3 อำเภอ อำเภอขนาดกลาง 2 อำเภอ จนทำให้ประชาชนสับสน สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนในจังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากหลายเขตเลือกตั้งไม่เคยอยู่ในเขตเลือกตั้งเดียวกันมาก่อน ซึ่งขัดกับพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เอกสารที่สมาชิกพรรคเพื่อไทยนำมายื่นต่อ กกต. ระบุข้อความด้านหน้าซองว่า “รายชื่อผู้ขอคัดค้านการเสนอรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตามรูปแบบของนายสถาพร โชติกลางและคณะ” ซึ่งแหล่งข่าวเปิดเผยว่านายสถาพร โชติกลาง เป็นอดีตกำนันตำบลโตนด และเป็นบุคคลใกล้ชิดนายวิรัช รัตนเศรษฐ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.โคราช พรรคพลังประชารัฐ
ก่อนหน้านี้ นายอนุวัฒน์ วิเศษจินดาวัฒน์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้ง ของ จ.นครราชสีมาว่า ที่ผ่านมาตนมองว่าการนำเสนอรูปแบบการแบ่งเขตเลือกตั้ง 3 รูปแบบแรกนั้นก็ได้รับการยอมรับจากประชาชนแล้ว เพระประชาชนมีส่วนร่วมในการร่วม แต่ล่าสุดมีการนำเสนอรูปแบบใหม่ออกมาเป็นแบบที่ 4 ประชาชนมีความกังขาว่าทำไมถึงออกมารูปแบบนี้ ไม่เป็นไปตามกฏหมายและสร้างความสับสนให้กับประชาชนในพื้นที่อย่างมาก ดังนั้น กกต.ควรทบทวนและควรเป็นกลางในการนำเสนอ อีกทั้งรูปแบบที่ 4 ที่เพิ่งมีการประกาศออกมา ตนยังมองว่าไม่น่าจะส่งผลดีต่อประชาชน เพราะยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน และไม่เป็นภูมิศาสตร์ของจังหวัด
นายอนุวัฒน์ อธิบายต่อว่า ที่ผ่านมาการเลือกตั้งทุกครั้ง การแบ่งเขตเลือกตั้งใน อ.พิมาย ไม่เคยออกมาเป็น 3 เขตมาก่อน ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งพิมายจะเป็นเขตอำเภอหลัก รูปแบบที่ 4 ที่มีการนำเสนอมา ยังไม่เข้าหลักเกณฑ์ และไม่เป็นไปตามกฏหมาย ซึ่งอยากให้ กกต.มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ไม่ควรเอื้อให้กับนักการเมืองหรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ทาง กกต.ควรที่จะอ้างอิงจากการแบ่งเขตการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา เพราะประชาชนรับทราบถึงรูปแบบการเลือกตั้งและเขตการเลือกตั้งของตนเองแล้ว