นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ เหลือกิโลกรัมละ 2.5 บาท ถึง 3.3 บาท ว่า เห็นใจพี่น้องเกษตรกรภาคใต้ซึ่งปลูกปาล์มกันมาก วันนี้ต้องแบกรับกับราคาขายซึ่งต่ำมาก แต่ตนเข้าใจกลไกตลาด เนื่องจากประเทศไทยมีคู่แข่งคืออินโดนีเซีย และมาเลเซีย ส่งออกปาล์มคุณภาพสูง ในขณะที่ความต้องการบริโภคปาล์มลดลงทั่วโลกตามกระแสรักสุขภาพ 12 ปีก่อน ทวีปยุโรปใช้น้ำมันปาล์มเพื่ออุปโภคบริโภค อยู่ที่ 82% 6 ปีก่อน ทวีปยุโรปใช้น้ำมันปาล์มเพื่ออุปโภคบริโภค อยู่ที่ 62% และเมื่อปีที่แล้ว ทวีปยุโรปใช้น้ำมันปาล์มเพื่ออุปโภคบริโภค อยู่ที่ 39% นอกจากนั้น ภาครัฐ ยังไม่มีมาตรการดูลปัญหาในระยะยาว ปัญหาจึงตกไปอยู่ที่ชาวสวนปาล์มตามที่เป็นข่าวออกมาเรียกร้องอยู่เรื่อยๆ
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า พรรคภูมิใจไทย คิดหาทางแก้ไขปัญหานี้มาตลอด ทางออกของเรื่องนี้ คือ
1.สนับสนุนให้ใช้ปาล์มน้ำมัน ในรูปแบบของน้ำมันไบโอดีเซลบี 20 ใช้เติมรถยนตร์ แทนน้ำมันดีเซล
2.สนับสนุนให้สร้างโรงไฟฟ้าน้ำมันปาล์ม ในจังหวัดกระบี่ แทนการใช้พลังงานจากถ่านหิน สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ตามมาคือ เป็นพลังงานสะอาด ไม่ถูกต่อต้านจากคนพื้นที่ ไม่กระทบกับการท่องเที่ยว สร้างตลาดรองรับผลผลิตปาล์ม ในอนาคตถ้าปาล์มเป็นพืชพลังงานหลัก จะทำให้ประชาชนปลูกมากขึ้น และเกษตรกร น่าจะลดการปลูกยาง เมื่อผลผลิตยางน้อย ราคายางจะสูงขึ้นตามกลไกตลาด
“ต้องยอมรับว่าการผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน มีค่าใช้จ่าย และค่าดำเนินการสูงกว่าการใช้พลังงานจากถ่านหิน แต่ในมุมหนึ่ง เมื่อภาคใต้ ต้องการไฟฟ้า แล้วประชาชนปฏิเสธการใช้พลังงานสกปรก การใช้ปาล์มน้ำมันก็คือทางเลือกที่ดีที่สุด
ทั้งนี้ ภูมิใจไทย ให้ความสำคัญกับพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้ประเทศ จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงเห็นสมควรให้พื้นที่ดังกล่าว รักษาจุดเด่นของตัวเองต่อไป ไม่ใช่มัวมานั่งคิดเรื่องกำไร ขาดทุน แล้วเอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเข้าไปทำลายจุดแข็งตรงนั้น แต่เราต้องมองภาพรวมของปัญหาทั้งหมด และจัดการตั้งแต่ต้นเหตุ การใช้น้ำมันปาล์มผลิตไฟฟ้า นอกจากจะได้พลังงานสะอาด เรายังจะช่วยยกระดับชีวิตของเกษตรกรในพื้นที่ด้วย สิ่งที่เสนอมา รัฐสามารถทำได้เลย มีตัวอย่างแล้ว ที่ประเทศมาเลเซีย เขาประสบความสำเร็จในการใช้ปาล์มน้ำมันผลิตไฟฟ้า”