นายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก หรือ หมอแหยง อดีตนายกองค์การบริการส่วนจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยถึงภาพรวมการแข่งขันในสนามการเลือกตั้งจังหวัดนครราชสีมาว่า สนามเลือกตั้งในพื้นที่โคราชเป็นสนามการเมืองที่สู้กันหนัก เนื่องจากเป็นจังหวัดใหญ่และมีจำนวน ส.ส.มากถึง 14 คน มีจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงกว่า 1.8 ล้านคน หากคำนวณจริง ๆ จะพบว่าในพื้นที่โคราชจะมีจำนวน ส.ส.ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อกว่า 28 คน ดังนั้น จึงเป็นพื้นที่เป้าหมายของทุกพรรค โดยเฉพาะบรรดาพรรคการเมืองใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทย และส.ส.เดิมต่างมุ่งเพิ่มจำนวนส.ส.ในพื้นที่ ดังนั้นเชื่อว่าที่โคราชจะเป็นสนามที่สนุกและแข่งขันสูง
นายแพทย์สำเริง เปิดเผยว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ได้ยึดแนวทางการลงพื้นที่ตามนโยบายนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรค ที่ได้ให้ไว้ ซึ่งในส่วนของตนเองก็ลงพื้นที่มาตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา และในการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล หรือ กำนันป้อ เป็นแม่ทีมในการวางยุทธศาสตร์การเลือกตั้งให้พรรค สำหรับแนวทางในการต่อสู้ คือรักษาฐานเดิมและเพิ่มฐานเสียงใหม่ ภายใต้ยุทธศาสตร์พรรคคือ “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” เป็นยุทธศาสตร์หลักในการหาเสียง นอกจากนี้นายอนุทิน เองก็ประกาศตัวเป็นคนโคราช ลูกหลานท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม ชัดเจน ตนเชื่อว่าด้วยประสบการณ์และการทำงานในภาคเอกชนของนายอนุทินที่ประสบความสำเร็จ จะนำมาซึ่งการพัฒนาประเทศชาติและโคราชได้ดีกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
นายแพทย์สำเริง กล่าวต่อว่า ตนและทีมงานทำงานเต็มที่ในพื้นที่โคราช รวมทั้งการเข้าไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชนถึงการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของตนจากท้องถิ่นไปสู่ระดับชาติ เพราะต้องการที่จะนำเสนอรูปแบบการดูแลพี่น้องประชาชน และดูแลบ้านเมืองในระดับที่สูงขึ้นและมีพลังมากขึ้น ดังนั้น จึงจำเป็นต้องลงไปสู้ในสนามที่ใหญ่กว่า อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยกับพรรคการเมืองด้วยกันพบว่า บรรดาผู้สมัครทุกพรรคกังวลคือความมี่ชัดแจนของการแบ่งเขตเลือกตั้ง ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.โคราช ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะออกมาอย่างไร ส่งผลให้ผู้สมัคร ส.ส.ทุกพรรคเกิดความสับสน จึงอยากให้กกต.รีบประกาศเขตเลือกตั้งด้วยความเป็นธรรม และเป็นหลักเกณฑ์ตามกฏหมายกำหนด ไม่ควรให้พรรคการเมืองหรือนักการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งมาชี้นำ ตนและผู้สมัครของพรรคพร้อมสู้ในกติกาที่เป็นธรรมและเท่าเทียมเพราะนักการเมืองเปรียบเสมือนนักต่อสู้ที่ต้องพร้อมทุกสนามการแข่งขัน แต่ขอให้เป็นธรรมเป็นไปตามหลักเกณฑ์กฏหมายและประชาชนได้ประโยชน์ ซึ่งตนก็เชื่อว่าทุกพรรครับได้