ผศ.ดร.โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ม.บูรพา กล่าวหลังทราบผมการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นายอภิสิทธิ์ ชนะนายแพทย์วรงค์แค่ 9 พันคะแนน ทั้งที่ตัวเองคือเลือดเนื้อเชื้อไขของพรรค เคยเป็นหัวหน้าพรรค เคยเป็นนายกรัฐมนตรี มีผู้ใหญ่ในพรรคหนุนนำ ถือว่าชนะ แต่ไม่สมศักดิ์ศรี
และสะท้อนว่า กลุ่มแนวคิดแบบคุณหมอวรงค์ ซึ่งมีกลุ่มหนุนพลเอกประยุทธ์อยู่ข้างหลัง อาทิ นายถาวร เสนเนียม กำลังเข้ามามีอิทธิพลภายในพรรคมากขึ้นเรื่อยๆ
จากนี้ เมื่อคะแนน มันสูสี ทางพรรคต้องเข้าไปพูดคุยกันว่า จะเดินต่อไปอย่างไร จะจัดความสัมพันธ์ระหว่างพรรค ปชป. กับพรรคคุณสุเทพอย่างไร ซึ่งเราพอจะเห็นอนาคตจากท่าทีของคุณอภิสิทธิ์ ที่วิจารณ์กองทัพน้อยลงมาก สอดคล้องกับจุดยืนของพรรคคุณสุเทพ ซึ่งตัวคุณสุเทพ และสมาชิก ยังมีพลังใน ปชป. จากนี้ิยิ่งจะเข้ามามีอำนาจใน ปชป มากขึ้น
“ผลหยั่งเสียง เท่ากับมวลชน ปชป.กำลังแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ตรงนี้ จะเกิดช่องว่างให้กลุ่มอิ่นเข้ามาเจาะ ถือเป็นโอกาสของทุกพรรค ยกเว้นพรรคเพื่อไทยกับแนวร่วม ที่ขัดแย้ง ยากประสานติด วิธีการ คือ พรรคนั้น ต้องตั้งใจทำเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องคนใต้ ให้คนใต้เห็นทางเลือกใหม่”
ด้าน ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำวิทยาลัยรัฐกิจ ม.รังสิต กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ ต้องเลือกทิศทางของพรรค ว่าจะทำอย่างไรให้พรรคอยู่รอด และต้องให้ประโยชน์สูงสุดกับพรรค ดังนั้น จึงจำเป็นต้องไว้ไมตรีกับทุกฝ่าย เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล และน่าจะสยบศึกในด้วยการเปิดโต๊ะพูดคุยกับกลุ่มหมอวรงค์ ก็กคุณสุเทพ ในพรรค แล้วค่อยยื่นไมตรีไปนอกพรรค