นายภราดร ปริศนานันทกุล สมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวในงานเสวนาวิชาการ “อนาคตประเทศไทย วิสัยทัศน์ของพรรคการเมือง” ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ว่า ประเทศไทยอยู่ในทศวรรษที่สูญเปล่า อันเกิดจากวังวนของการคอรัปชั่น การชุมนุม การยึดอำนาจ เวียนไปไม่รู้จบ ชนชั้นนำพาสังคมเข้ามาในความขัดแย้ง ขณะที่ชนชั้นล่างยากจน พร้อมยกผลสำรวจจากสวนดุสิตโพลว่า ประชาชนอยากให้ฝ่ายการเมืองมาแก้ไขปัญหาปากท้อง เข้ามาช่วยเหลือเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ มากกว่าการเอาชนะกันทางการเมือง สะท้อนว่าประชาชนไม่มีจะกินกันแล้ว สวนทางกับที่ผู้มีอำนาจบอกว่าเศรษฐกิจดี
นายภราดร กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจดีทางตัวเลข แต่เกิดความเหลื่อมล้ำสูงมาก คนรวยไม่กี่คนมีที่ดิน 60 – 70% ของประเทศ ขณะที่คนจน มีที่ดินเพียง 0.5% ของประเทศ ขณะที่ในตลาดหุ้น ตัวเลขกำไรพุ่งสูงถึง 20% แต่ 7 ปีที่ผ่านมา ค่าแรงขั้นต่ำสูงขึ้นเพียง 20 บาท นี่คือตัวอย่างของความเหลื่อมล้ำ ที่ไม่เคยมีใครจริงใจแก้ไข ประเทศไทยมีกฎหมายป้องกันการผูกขาด แต่ไม่เคยมีใครได้รับโทษเพราะกฎหมายนี้ ทั้งที่การผูกขาดยังมีให้เห็น หรืออย่างเรื่องการกระจายงบประมาณ กรุงเทพฯจังหวัดเดียวได้รับงบฯกว่า 50 %
นายภราดร ย้ำว่า ประเทศไทยเหลื่อมล้ำอย่างวิกฤติ ทางพรรคภูมิใจไทยหวังจะแก้ไขปัญหา เรามีแนวคิด “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” เราจะแก้ไขกฎหมายเพื่อสร้างประโยชน์กับประชาชนทุกคน ให้สามารถมีชีวิตบนความเท่าเทียมในการประกอบอาชีพ
“ทุกคนพูดถึงการพัฒนาเมืองรอง หลายคนอยากไปเที่ยวเมืองรอง แต่มันติดอุปสรรค ไม่มีโรงแรม ไม่มีระบบคมนาคม พอ ชาวบ้านเปิดบ้านให้พัก พอ Grab เข้าไปให้บริการ ก็กลายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ตรงนี้มันไปปิดโอกาสของคนเมืองรอง ลดทอนความเท่าเทียมในการหารายได้”
นอกจากนั้น ยังเกิดความเหลื่อมล้ำในภาคเกษตร เราไม่เคยเห็นโรงสี พ่อค้าส่งออกยากจน แต่เราเห็นชาวนาจน ระบบ supply chain มันมีปัญหา เราต้องใช้กฎหมาย ให้ชาวนาได้ส่วนแบ่งรายได้จากข้าวถุงข้าวสาร
“พรรคภูมิใจไทยจะทำมากกว่ากว่าพูด คนไทยต้องเท่าทัน อย่างเท่าเทียม” นายภราดรกล่าว