นายธีระชัย แสนแก้ว นายกสมาคมชาวไร่อัอยอีสานเหนือ เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาล ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2561 เพื่อแสดงสปิริต ซึ่งกองทุนอ้อยน้ำตาลทรายที่ตนดูแล ไม่มีศักยภาพเพียงพอ ในการปกป้องผลประโยชน์ชของเกษตรกรชาวไร่อ้อยได้ จากเดิมกองทุนสามารถค้ำประกันเงินกู้ให้พี่น้องชาวไร่อ้อยได้กู้ยืมเพื่อนำไปเป็นเงินทุนหมุนเวียนได้ แต่ปัจจุบันนี้ กองทุนขาดเสถียรภาพ จนไม่สามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้ ในขณะที่ปีนี้ ราคาอ้อยเบื้องต้นเพียง 680 ต่อตันอ้อย ถือว่าเป็นราคาที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากกรณีที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 ยกเว้นการบังคับใช้กฏหมาย พระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาล ในมาตารา 17(18)ว่าด้วยเรื่องของราคาน้ำตาล ส่งผลให้ราคาน้ำตาลลอยตัว จากมาตรการนี้ทำให้น้ำตาลมีราคาต่ำลงอย่างมาก
ในขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์กลับไม่สามารถควบคุมราคาสินค้าที่นำน้ำตาลไปใช้เป็นวัตถุดิบได้ ดังนั้นเมื่อต้นทุนน้ำตาลลดลง ส่งผลให้การผลิตสินค้ามีต้นทุนที่ลดลงไปด้วย เท่ากับไปเพิ่มกำไรให้ผู้ผลิตสินค้าที่ใช้น้ำตาลเป็นวัตถุดิบ
“ปริมาณการบริโภคภายในประเทศจำนวน 26 ล้านกระสอบ นำไปใช้ในอุตสาหกรรมน้ำอัดลมไม่ต่ำกว่า 20 ล้านกระสอบต่อปี ใช้ครัวเรือน 4 ล้านกระสอบ ที่เหลือส่งไปในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ส่งผลให้ต้นทุนของอุตสาหกรรมน้ำอัดลมลดลง ในขณะที่ประชาชนต้องซื้อน้ำตาลในราคาเท่าเดิม การใช้มาตรา 44 ในกรณีน้ำตาลส่งผลให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ได้ประโยชน์ แต่เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยกลับถูกกดราคา”
หากใช้ระบบเดิมคือกิโลกรัมล่ะ 19 บาท จะส่งผลให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างเกษตรกรกับผู้ประกอบการสามารถเก็บเงินส่วนต่างเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาล โดยกองทุนจะเป็นตัวรักษาเสถียรภาพราคาอ้อยและผลตอบแทนการผลิตได้
แต่เมื่อมีการประกาศม.44 ยกเว้นกฏหมายดังกล่าว ส่งผลต่อเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยโดยตรงในขณะเดียวกันประชาชนไม่ได้ประโยชน์จากมาตรา 44 ผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือนายทุนผู้ผลิตน้ำอัดลมขนาดใหญ่ที่ต้นทุนการผลิตลดลงไม่ต่ำกว่า 2,000-3,000 ล้านบาทต่อเดือน
“อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือ นำเงินงบประมาณแผ่นดินมาอุดหนุนเกษตรกร ต้นทุนการปลูกอ้อย 1,131 บาทต่อตันอ้อย ในขณะที่ราคาอ้อยที่จะประกาศออกมา เหลือเพียง 680 บาท
ดังนั้นให้การที่รัฐบาลออกมติคณะรับมนตรีจะช่วยชาวไร่อ้อยตันล่ะ 50 บาทเป็นเงิน 6,500 บาท ในปริมาณอ้อย 130 ล้านตัว ก็ยังไม่เพียงพอต่อต้นทุนจึงอยากให้รัฐบาลทบทวนการช่วยเหลือจาก 50 บาทต่อตันเป็น 100 บาทต่อตัน จะเป็นการแบ่งเบาภาระให้เกษตรในช่วงวิกฤตินี้ รัฐบาลควรห่วงประชาชนในประเทศมากกว่าปัญหาที่เกิดจากต่างประเทศ”นายธีระชัยกล่าว