หน้าแรก news “ภูมิใจไทย” ชูเป้าหมาย ใช้ระบบออนไลน์ สร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษา ลดภาระประชาชน

“ภูมิใจไทย” ชูเป้าหมาย ใช้ระบบออนไลน์ สร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษา ลดภาระประชาชน

0
“ภูมิใจไทย” ชูเป้าหมาย ใช้ระบบออนไลน์ สร้างความเท่าเทียมด้านการศึกษา ลดภาระประชาชน
Sharing

วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่พรรคภูมิใจไทย มีการจัดงานเสวนาหัวข้อ เรียนฟรีตลอดชีวิต Thailand Sharing University มีผู้เข้าร่วมเสวนา อาทิ นายศักด์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย, พันเอก ดร.เศรษฐพงค์  มะลิสุวรรณ  โฆษกพรรคภูมิใจไทย, ดร.พะโยม ชิณวงศ์ คณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการศึกษาพรรคภูมิใจไทย, ดร.กมล รอดคล้าย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, นายอนุสรณ์ ศิวะกุล หรือ อาจารย์เจี๊ยบ อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการโรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ปัจจุบันเป็นประธานผู้บริหารบริษัทวรรณสรณ์และโรงเรียนกวดวิชาวรรณสรณ์, นางสาวธีรดา หลงศิริ นักวิชาการด้านการศึกษา และนายสุภรณ์ธรรม มงคลสวัสดิ์ เลขาธิการมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ

นายศักด์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การศึกษาคือปัจจัยสำคัญ ทำให้ประชาชนและประเทศพัฒนา พรรคภูมิใจไทยต้องการเห็นคนไทยทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม นอกจากความเท่าเทียมแล้ว การศึกษาที่ได้รับต้องมีคุณภาพ และไม่เป็นภาระค่าใช้จ่ายกับประชาชน นอกจากนั้น จบมาแล้ว ต้องสอดคล้องกับตลาดงาน

พันเอก ดร.เศรษฐพงค์  มะลิสุวรรณ  โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ระบบการศึกษาต้องมีความทันสมัยและต้องเข้าถึงเยาวชน ในอดีตประเทศไทยกับประเทศเกาหลีใต้มีการพัฒนาพอกัน แต่วันนี้กลับพบว่าเกาหลีใต้พัฒนาไปไกลกว่าไทย ขณะที่ประเทศไทยยังติดกับดักรายได้และความเป็นอยู่ ซึ่งเราต้องหาทางออกจากกับดักดังกล่าว พรรคภูมิใจไทยเห็นว่า เราต้องใช้การศึกษาเป็นทางรอดของชาติ จึงเกิดเป็นแนวคิด Thailand Sharing University หรือรูปแบบการศึกษา โดยนำระบบออนไลน์เข้ามาปรับใช้ เพื่อทำลายข้อจำกัดด้านเวลา และสถานที่ แนวคิดนี้ เกิดขึ้นแล้วที่ Stanford University  สหรัฐอเมริกา จนประสบความสำเร็จมากมาย ปัจจุบัน  มีอีกหลายประเทศกำลังใช้นโยบายการเรียนผ่านเครือข่ายโทรคมนาคม ตนเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการเดินนโยบายเช่นกัน ชัดเจนว่าเทคโนโลยี ได้เข้าถึงจุดที่กำลังตอบสนองการศึกษาได้เช่นกัน แต่รัฐต้องจริงจัง และจริงใจ ที่จะทำให้เกิดความเป็นรูปธรรม

ดร.พะโยม ชิณวงศ์ คณะทำงานยุทธศาสตร์ด้านการศึกษา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การศึกษาของไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงมาก โอกาสเข้าถึงการศึกษาของประชาชนไม่เท่ากัน นี่คือวิกฤติของชาติรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นต้องมาบริหารจัดการการศึกษาให้มีประสิทธิภาพเข้าถึงประชาชนทุกคนโดยให้ความสำคัญกับการศึกษาทั้งในระบบและนอกระบบ การเรียนออนไลน์คือทางออกของปัญหานี้

ดร.กมล รอดคล้าย อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า เทคโนโลยีของประเทศไทย พร้อมตอบสนองด้านการศึกษาแล้ว ถึงเวลาที่เราต้องสร้างโอกาสการศึกษาให้กับผู้ด้อยโอกาส ผู้ที่อยู่ห่างไกล ผู้ที่มีทุนทรัพย์จำกัด และยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนออนไลน์จะช่วยลดรายจ่ายทางการศึกษา อีกทั้งไม่ได้ล้มล้างระบบการศึกษาเดิมแต่เป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการศึกษามากกว่า

ในต่างประเทศ ล้วนนำ Online Education เข้ามาช่วยในการเรียนการสอน ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย สิงคโปร์ หรือแม้แต่ประเทศในแถบตะวันออกกลางก็มีการใช้ระบบการเรียนการสอน ในรูปแบบนี้

สำหรับประเทศไทย มหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่งใช้ระบบออนไลน์ เข้าพัฒนาการเรียนการสอน จัดการให้ห้องเรียนเป็นพื้นที่พูดคุยเชิงวิชาการ มากกว่ามานั่งจดเลคเชอร์ แล้วให้นักเรียนหาความรู้จากระบบออนไลน์ อาทิ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งทางกระทรวงศึกษามีการรับรองหลักสูตรแล้ว  นอกจากนี้จำเป็นที่จะต้องมีการจัดตั้งสถาบันพัฒนาองค์ความรู้แห่งชาติ รองรับการเรียนผ่านระบบออนไลน์ หากภาครัฐบูรณาการเทคโนโลยีและกฎหมายที่มีอยู่ ดำเนินนโยบายอย่างเต็มที่ก็จะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างมีระบบ

ดร.เติมชัย ธรรมลักษมี ผู้อำนวยการโครงการพิเศษวิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชยาการอยุธยา กล่าวว่า ดีใจที่พรรคภูมิใจไทยให้ความสำคัญด้านการศึกษา การเรียนแบบออนไลน์ ถือว่าตรงกับพฤติกรรมของนักเรียนนักศึกษามากที่สุด เชื่อว่าในอนาคตการเรียนออนไลน์จะเข้ามามีบทบาทในการศึกษาไทยมากขึ้น สอดรับความต้องการของผู้เรียน และการเรียนน่าจะตอบสนองต่อตลาดแรงงาน

นายสุภรณ์ มงคลสวัสดิ์ เลขาธิการมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ กล่าวว่า ประเทศไทย มีกฎหมายดูแลคนพิการทัดเทียมกับสากล แต่ติดปัญหาคือกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างจริงจัง ที่ผ่านมา เราไปจริงจังกับเรื่องของเทคโนโลยี แต่เราไม่ได้ไปพูดถึงมิติของสังคมเลย ในเวที้ ตนอยากจะบอกว่าการเรียนออนไลน์ มีประโยชน์กับคนพิการแน่นอน แต่มันจำเป็นที่จะต้องมีคนเข้ามาดูแลคนพิการด้วย

สุดท้าย นางสาวธีรดา หลงศิริ นักวิชาการอิสระด้านการศึกษา กล่าวว่า ปัจจุบัน ตนเรียนภาษาอังกฤษผ่านระบบออนไลน์ เพราะอยู่ต่างจังหวัด ข้อดีของการเรียนออนไลน์ คือ ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนวิชาตามต้องการ เลือกเรียนเมื่อมีความพร้อม เมื่อเราเรียนวิชาที่ชอบ เรียนเมื่อพร้อม การเรียนรู้ย่อมเกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนั้น หากไม่เข้าใจ สามารถกลับมาทวนซ้ำได้ ทั้งนี้ การเรียนออนไลน์จะได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับผู้เรียนเป็นสำคัญ ถือว่าเป็นระบบที่มีตัวผู้เรียนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่