พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงภาพรวมการเมืองกับการเลือกตั้งว่า ในปัจจุบันกลุ่มคนรุ่นใหม่หรือที่รู้จักกันในนาม นิวโหวตเตอร์ มีอิทธิพลต่อพรรคการเมืองมาก เพราะนิวโหวตเตอร์ในการเลือกตั้งปี 2562 มีจำนวนไม่น้อยกว่า 5-6 ล้านคน กำลังศึกษาพรรคการเมืองทุกพรรคว่าพรรรคการเมืองไหนมีนโยบายอะไร ซึ่งคนเหล่านี้จะดูที่นโยบายมากกว่าตัวบุคคล
ดังนั้นการจัดทำนโยบายของพรรคภูมิใจไทยจึงจำเป็นที่จะต้องมาระดมแนวคิดในการทำงานในอนาคตเพื่อที่จะแปรมาเป็นนโยบายที่สามารรถจับต้องได้และเข้าถึงได้รวมทั้งมองไปอนาคตของประเทศ
พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า จากการสำรวจความคิดเห็นพบว่า คนรุ่นใหม่หรือกลุ่มนิวโหวตเตอร์อยากเลือกตั้ง อยากไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้ง และที่สำคัญคือไม่สนใจอดีตว่าจะเป็นมาอย่างไร มีความขัดแย้งมากแค่ไหน แต่อยากไปเลือกตั้ง โดยคนกลุ่มนี้จะเน้นไปมองที่นโยบายของพรรคมากกว่า รวมทั้งมีความคิดเป็นของตนเอง อิทธิพลของพ่อแม่หรือครอบครัวไม่มีผลกระทบมากนัก เป็นไปตามเทรนของโลกที่บรรดาเยาวชนจะให้ความคิดของตัวเองเป็นหลัก คนกลุ่มนี้ให้ความสนใจการเมืองมากขึ้น นอกจากนี้แล้วสื่อโซเซี่ยลมีผลกับคนกลุ่มนี้มาก โดยเฉพาะในช่วงบรรดาเยาวชนไทยทีมีอายุในช่วง18-22 ปี จะให้เวลากับสื่อโซเชี่ยลมาก
พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ กล่าวต่อว่า ประชาชนในรุ่น Gen Y และ Gen Alpha จะสื่อสารกับผู้บริหารประเทศโดยตรงมากขึ้นด้วยสื่อรูปแบบใหม่ โดยเชื่อมโยงกันอย่างหนาแน่น hyperconnected & realtime (จะลึกซึ้งกว่าที่เห็นกันในวันนี้อย่างมาก) ซึ่งการ vote จะเกิดขึ้นจากประชาชนที่สร้างระบบขึ้นเองบน Blockchain จนทำให้แนวคิด “Future Government” ที่อำนาจรัฐจะลดลงและอำนาจประชาชนจะเพิ่มขึ้นตามการพัฒนาทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นจริงในทศวรรษจากนี้ไป ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นแล้วคือ ประเทศเอสโตเนีย