เว็บไซต์ “คม ชัด ลึก” วิเคราะห์อนาคตการเมืองไทย โดยแยกพรรคการเมืองออกเป็น 3 ขั้ว ประกอบไปด้วย ขั้วที่ 1 หรือฝ่ายแดง ปฏิเสธพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชา ได้แก่เพื่อไทยและเครือข่าย อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย เพื่อชาติ พรรคประชาชาติ ขั้วที่ 2 กลุ่มสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ หรือฝ่ายน้ำเงิน ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ รวมพลังประชาชาติไทย พรรคประชาชนปฏิรูป และกลุ่มพรรคในเครือข่าย ขั้วที่ 3 คือพรรค ซึ่งอยู่ตรงกลาง เป็นพรรคตัวกลาง ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ “คม ชัด ลึก” ได้เผยชื่อบุคคล ซึ่งมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง ประกอบไปด้วย
สูตรแรก ฝ่ายน้ำเงินบวกกลุ่มตัวแปรทั้งหมด สูตรนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งแน่นอน แต่ปัญหาคืออาจต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย หรือเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตัวเลข ส.ส.เบื้องต้นของ 2 กลุ่มนี้รวมกัน จะอยู่ที่ประมาณ 250 ที่นั่ง
สูตรสอง พรรคฝ่ายแดงรวมกับพรรคกลุ่มตัวแปรทั้งหมด จากตัวเลขเบื้องต้นสูตรนี้จะเป็นรัฐบาลที่มีเสียงมากถึง 409 เสียง คนที่อยู่ในข่ายจะเป็นนายกฯ ตามสูตรนี้ คือ “สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” “จาตุรนต์ ฉายแสง” ที่คาดว่าจะไปเป็นเบอร์หนึ่งของบัญชีนายกฯ พรรคไทยรักษาชาติ “อนุทิน ชาญวีกูล” และ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”
แต่ถ้าถามความเป็นไปได้ของสูตรนี้ก็ต้องบอกว่ามีน้อยมาก ประชาธิปัตย์ตั้งเงื่อนไขจะยอมไปจับมือกับเพื่อไทยก็ต่อเมื่อยอมให้คนของประชาธิปัตย์เป็นนายกฯ
ถ้ามีสูตรนี้จริง “อนุทิน” อาจจะเป็น “ตาอยู่”
สูตรสาม ฝ่ายแดงรวมกับพรรคตัวแปรยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์ สูตรนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมได้เสียงมาถล่มทลาย คือต้องได้มากกว่า 300 เสียงตามที่ “ทักษิณ ชินวัตร” เคยพูดไว้ เพื่อไปรวมกับพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคชาติพัฒนา แล้วได้เสียงเกิน 375
คนที่มีโอกาสเป็นนายกฯ ได้ตามสูตรนี้มี สุดารัตน์ จาตุรนต์ และอนุทิน
จะเห็นว่าชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ปรากฎอยู่ใน 2 จาก 3 สูตรเลือกตั้ง