นายนพพร ขุนค้า อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ กล่าวถึงการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัยว่า เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงองคาพยพอย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะอยู่ในอำนาจต่อ อีกทั้งส่วนตัวเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด เพียงแต่รอคนมาทาบทามเสนอชื่อชิงนายกฯเท่านั้น
ส่วนปรากฏการณ์พลังดูดอดีต ส.ส.ของ พปชร.นั้น นายนพพร ระบุว่า เรื่องของการปฏิรูปที่มีคนบางฝ่ายเรียกร้องก่อนหน้านี้เป็นเพียงข้ออ้าง ตอนนี้อธิบายต่อสังคมยากโดยเฉพาะแฟนคลับ คสช. เพราะสุดท้ายการเมืองไทยยังอยู่ในวังวนเดิม คือตั้งพรรคเฉพาะกิจขึ้นมาหลังรัฐประหารแล้วใช้แรงจูงใจดึงอดีต ส.ส.มาสังกัด เพื่อให้มีการสืบทอดอำนาจต่อ ซึ่งหลายคนยังสงสัยอยู่ว่าอะไรคือข้อต่อรองถึงขนาดให้คนที่เคยอยู่ต่างอุดมการณ์มาร่วมงานกันได้
ทั้งนี้ โจทย์หลักของ พปชร.คือการได้ ส.ส.ให้ได้มากที่สุด จึงเป็นที่มาของการดูดและการแจก ผ่านนโนบายประชานิยมต่างๆ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่า พปชร.อาจได้ ส.ส.ไม่ตามเป้า คือ ไม่ถึง 125 ที่นั่ง และอาจน้อยกว่าประชาธิปัตย์ ดังนั้น จึงต้องรวมกับพรรคพันธมิตร ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแปรสำคัญเพื่อทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปถึงฝั่งฝันจริงๆ
“พรรคประชาธิปัตย์ที่แหละ ที่ตัวผมเองและคอการเมืองหลายคนมองว่าจะเอาอย่างไรแน่ ต่อให้คุณอิภิสิทธิ์บอกว่าจนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์และพรรคพลังประชารัฐยังไม่มีอะไรน่าสนใจให้ประชาธิปัตย์ไปจับมือด้วยก็ตาม ประเด็นคือคุณอภิสิทธิ์บอกว่าจนถึงวันนี้ ไม่ได้หมายถึงหลังจากนี้หรือจนถึงวันเลือกตั้ง ซึ่งเป็นธรรมดาที่คุณอภิสิทธิ์จะสงวนท่าทีก่อน และหากเป็นเช่นนั้นประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคใหญ่ในพรรคร่วม แล้วจะมีอำนาจต่อรองที่สูงมาก จนพรรคพลังประชารัฐก็ต้องยอมให้กระทรวงใหญ่ๆ” นายนพพรกล่าว