ผศ.ดร.จิโรจน์ พีระเกียรติขจร สมาชิกพรรคภูมิใจไทย จ.ตรัง กล่าวกับ “มิติชน” ถึงความเคลื่อนไหวการเมืองในพื้นที่ว่า ชาวบ้านต้องการให้ นักการเมืองช่วยเรื่องของความเดือดร้อนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในจังหวัดตรังซึ่งมีระยะเวลาที่สะสมมานาน สิ่งแรกคือ การทำกินเนื่องจากเศรษฐกิจ ยางพารา ปาล์ม ลดราคาลงทั้งหมด
นอกจากนี้มีเรื่อง กยศ. ซึ่งเด็กจะมีปัญหาการถูกฟ้องร้องจำนวนอีกมากมายเนื่องจากได้รับเงินกู้มาแล้ว แต่ความเข้าใจในเรื่องการชำระเงินกู้ไม่ชัดเจน และเศรษฐกิจตกต่ำไม่สามารถชำระหนี้ได้ เป็นปัญหาด่วนที่ต้องแก้ในทันที ทั้งนี้ ทางพรรคมีแนวทางบ้างแล้ว รอเคาะเป็นนโยบาย อาทิ อาจจะยืดเวลาพักหนี้เป็น 5 ปี ให้เด็กได้มีโอกาสหายใจ หาทางใช้ใช้หนี้
ผศ.ดร.จิโรจน์กล่าวว่า เมื่อเศรษฐกิจไม่ดีชำระหนี้ไม่ได้ พืชผลทางการเกษตรของจังหวัดตรังตกต่ำ ไม่ว่าจะยางพารา หรือปาล์มน้ำมัน ซึ่งทุกคนพยายามจะแก้กัน ตนมองว่าแนวทางการแก้ปัญหายางพารามีแนวทางการแก้ ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว ที่จะต้องแก้เพื่อให้เกิดความยั่งยืน การใช้วิธีแก้โดยฉีดยาทีละเข็ม นำเงินมาช่วยเหลือเป็นครั้งคราวเป็นการเลี้ยงปัญหา มันไม่ใช่วิธีแก้เพราะฉะนั้นอย่าเลี้ยงปัญหา เหมือนกับหมอถ้าเลี้ยงไข้ก็ฉีดยาไปวันต่อวัน ต้องช่วยเหลือเรื่องการแปรรูป การหาตลาด คนเป็นรัฐบาลต้องหาตลาด และตัวแทนของคนจังหวัดตรังที่ใครได้เป็น ส.ส.ก็ตามต้องแก้ปัญหาเรื่องของการตลาดเป็นอันดับแรก แปรรูป
อันดับ 2 เรื่องของการทำผลิตภัณฑ์ในอันดับ 3 แล้วขายใคร แนวคิดคือจะแปรรูปยางพาราอย่างไรให้เป็นรูปอื่น ๆ เช่น โต๊ะ เก้าอี้ แบริเออร์ หมวกครอบแผ่นพื้น ตัวหนอน มันต้องทำอย่างไร ซึ่งต้นทุนมันย่อมสูงกว่าที่ทำจากทราย จากซีเมนต์ แต่ถามว่าทั่วประเทศใช้ตัวหนอนเยอะหรือไม่ อบต.หรือหน่วยงานราชการไม่สามารถซื้อได้ไม่มีราคากลางของตัวหนอน ทำไมไม่ทำราคากลางตัวหนอนให้เรียบร้อย ทำไมทำตัวหนอนหรือผลิตภัณฑ์จากยางพาราแล้วจะขายไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวหนอน ที่สำคัญต้องมีหน่วยงานที่วิจัยและวิเคราะห์ และทำมาตรฐาน มอก.ให้ได้ รัฐก็สามารถซื้อได้
ผศ.ดร.จิโรจน์กล่าวด้วยว่า จากการที่รัฐบาลวางมาตรการช่วยเหลือคนจนในขณะนี้เป็นความบังเอิญหรือการหาเสียงนั้น ตนมองว่า ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืน และอาจสร้างความได้เปรียบเหนือฝ่ายการเมืองอื่น ชาวบ้านมีความคิดแยกแยะออก