ต้องยอมรับว่าภาคใต้ ถือเป็นฐานคะแนนที่สำคัญยิ่งสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ และที่ผ่านมา การที่ประชาธิปัตย์ยังมีสภาพเป็นพรรคอันดับ 2 ของประเทศได้ ก็เพราะคะแนนจากพื้นที่ภาคใต้นี่เอง
ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับเสียงหนุนจากคนด้ามขวานชนิดถล่มทลาย จนมีวลีว่า
“แม้ประชาธิปัตย์จะส่งเสาไฟฟ้าลง ก็ยังชนะเลือกตั้ง”
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งปี 2561 พรรคประชาธิปัตย์ มิได้อยู่ในสถานะที่ไร้คู่แข่งอีกต่อไป เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ความตกต่ำของราคาปาล์ม ราคายาง และความลำบากในการทำประมง ซึ่งบังเกิดพร้อมกันในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทบกับความเชื่อมั่นของพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน
มาวันนี้ ชาวใต้จำนวนไม่น้อยกำลังมองหาทางเลือกใหม่ ในสนามการเมืองที่มีพรรคเป็นจำนวนมาก
และหนึ่งในพรรคที่คนใต้ เริ่มพูดถึงกันหนาหูมากที่สุดคือพรรค “ภูมิใจไทย”
ด้วยเพราะเป็นพรรคแรกที่เสนอแนวทางแก้ปัญหา ปาล์ม ยาง และประมงอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แนวทางแก้กฎกรอบ ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน
หนุน นำปาล์มไปทำไฟฟ้า หวังเปลี่ยนคนปลูกยางมาปลูกปาล์ม สร้างสมดุลในตลาด
เสนอ แก้กฎหมาย ปล่อยชาวประมง หาปลาสะดวก
เจาะเข้ากลางใจคนใต้
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทย หวังใช้กติกาใหม่ สร้างข้อได้เปรียบ ด้วยการส่งผู้สมัคร “ครบทุกเขต” เก็บทุกแต้มสำคัญ พาคนของพรรคเข้าไปนั่งทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทย ให้ได้จำนวนมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมานายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค พูดเสมอว่า
“จะส่งคนที่ดีที่สุด มีความนิยมมากที่สุด ลงสู้ศึก”
ภาคใต้เองก็เช่นกัน เป็นงานหนักของ ดร.นาที รัชกิจประการ ขุนศึกแดนใต้ กับการเฟ้นหาผู้สมัครระดับเกรด A
มาตอนนี้ ต้องบอกว่า “ไม่ทำให้ผิดหวัง” เพราะว่า ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่ ล้วนแต่มีความนิยมไม่ธรรมดา
ทั้ง นายกเอ เมืองระนอง หรือนายคงกฤษณ์ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกฯ อบจ., นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน แกนนำเกษตรกรชาวสวนปาล์ม , นายมนตรี เพชรขุ้ม อดีตนายก อบจ. สุราษฎร์ธานี, นางสุภาพ ขุนศรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช, นายนราเดช คำทัปน์ อดีตประธานสภาอบจ.และสจ.เขตเมืองสงขลา, สันติ อรรถทรัพย์ อดีตรองนายกอบต.กมลา ภูเก็ต
นอกจากนั้นยังมีนักสิทธิ์มนุษยชน อาทิ อับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ อดีตผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคนกีฬา ในพื้นที่ อาทิ นายนุรดิน อาสาบาโงย จากสมาคมกีฬาจังหวัดยะลา และนักวิชาการด้านประมง อาทิ ผศ.ดร.จิโรจน์ พีระเกียรติขจร ซึ่งเข้าร่วมทำงานกับพรรคภูมิใจไทย
แว่วว่ากระแสภูมิใจไทยในภาคใต้ดีมาก เพราะนโยบายตรงใจ แถมผู้สมัคร ชื่อชั้น ไม่ธรรมดา ทุกคนเป็นที่รู้จักในพื้นที่ ทำงานใกล้ชิดกับชาวบ้านมาอย่างยาวนาน
ล้วนเป็นความหวังของคนด้ามขวาน ซึ่งเรียกร้อง “การเปลี่ยนแปลง”
Ringsideการเมือง
ต้องยอมรับว่าภาคใต้ ถือเป็นฐานคะแนนที่สำคัญยิ่งสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ และที่ผ่านมา การที่ประชาธิปัตย์ยังมีสภาพเป็นพรรคอันดับ 2 ของประเทศได้ ก็เพราะคะแนนจากพื้นที่ภาคใต้นี่เอง
ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับเสียงหนุนจากคนด้ามขวานชนิดถล่มทลาย จนมีวลีว่า
“แม้ประชาธิปัตย์จะส่งเสาไฟฟ้าลง ก็ยังชนะเลือกตั้ง”
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งปี 2561 พรรคประชาธิปัตย์ มิได้อยู่ในสถานะที่ไร้คู่แข่งอีกต่อไป เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า ความตกต่ำของราคาปาล์ม ราคายาง และความลำบากในการทำประมง ซึ่งบังเกิดพร้อมกันในยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทบกับความเชื่อมั่นของพรรคประชาธิปัตย์แน่นอน
มาวันนี้ ชาวใต้จำนวนไม่น้อยกำลังมองหาทางเลือกใหม่ ในสนามการเมืองที่มีพรรคเป็นจำนวนมาก
และหนึ่งในพรรคที่คนใต้ เริ่มพูดถึงกันหนาหูมากที่สุดคือพรรค “ภูมิใจไทย”
ด้วยเพราะเป็นพรรคแรกที่เสนอแนวทางแก้ปัญหา ปาล์ม ยาง และประมงอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แนวทางแก้กฎกรอบ ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน
หนุน นำปาล์มไปทำไฟฟ้า หวังเปลี่ยนคนปลูกยางมาปลูกปาล์ม สร้างสมดุลในตลาด
เสนอ แก้กฎหมาย ปล่อยชาวประมง หาปลาสะดวก
เจาะเข้ากลางใจคนใต้
ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคภูมิใจไทย หวังใช้กติกาใหม่ สร้างข้อได้เปรียบ ด้วยการส่งผู้สมัคร “ครบทุกเขต” เก็บทุกแต้มสำคัญ พาคนของพรรคเข้าไปนั่งทำหน้าที่แทนปวงชนชาวไทย ให้ได้จำนวนมากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมานายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค พูดเสมอว่า
“จะส่งคนที่ดีที่สุด มีความนิยมมากที่สุด ลงสู้ศึก”
ภาคใต้เองก็เช่นกัน เป็นงานหนักของ ดร.นาที รัชกิจประการ ขุนศึกแดนใต้ กับการเฟ้นหาผู้สมัครระดับเกรด A
มาตอนนี้ ต้องบอกว่า “ไม่ทำให้ผิดหวัง” เพราะว่า ผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย ในพื้นที่ ล้วนแต่มีความนิยมไม่ธรรมดา
ทั้ง นายกเอ เมืองระนอง หรือนายคงกฤษณ์ ฉัตรมาลีรัตน์ นายกฯ อบจ., นายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน แกนนำเกษตรกรชาวสวนปาล์ม , นายมนตรี เพชรขุ้ม อดีตนายก อบจ. สุราษฎร์ธานี, นางสุภาพ ขุนศรี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช, นายนราเดช คำทัปน์ อดีตประธานสภาอบจ.และสจ.เขตเมืองสงขลา, สันติ อรรถทรัพย์ อดีตรองนายกอบต.กมลา ภูเก็ต
นอกจากนั้นยังมีนักสิทธิ์มนุษยชน อาทิ อับดุลกอฮาร์ อาแวปูเตะ อดีตผู้อำนวยการมูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคนกีฬา ในพื้นที่ อาทิ นายนุรดิน อาสาบาโงย จากสมาคมกีฬาจังหวัดยะลา และนักวิชาการด้านประมง อาทิ ผศ.ดร.จิโรจน์ พีระเกียรติขจร ซึ่งเข้าร่วมทำงานกับพรรคภูมิใจไทย
แว่วว่ากระแสภูมิใจไทยในภาคใต้ดีมาก เพราะนโยบายตรงใจ แถมผู้สมัคร ชื่อชั้น ไม่ธรรมดา ทุกคนเป็นที่รู้จักในพื้นที่ ทำงานใกล้ชิดกับชาวบ้านมาอย่างยาวนาน
ล้วนเป็นความหวังของคนด้ามขวาน ซึ่งเรียกร้อง “การเปลี่ยนแปลง”
Ringsideการเมือง