หน้าแรก news “สุขุม” เข้าใจพรรคไซส์กลาง ชูนโยบายที่ทำได้เลย ดีกว่าฟุ้งเรื่องปฏิรูปแต่ทำไม่ได้จริง ชี้ ถ้า “บิ๊กตู่” ลง พปชร.แต่แพ้ประชาธิปัตย์ เกมอาจพลิก

“สุขุม” เข้าใจพรรคไซส์กลาง ชูนโยบายที่ทำได้เลย ดีกว่าฟุ้งเรื่องปฏิรูปแต่ทำไม่ได้จริง ชี้ ถ้า “บิ๊กตู่” ลง พปชร.แต่แพ้ประชาธิปัตย์ เกมอาจพลิก

0
“สุขุม” เข้าใจพรรคไซส์กลาง ชูนโยบายที่ทำได้เลย ดีกว่าฟุ้งเรื่องปฏิรูปแต่ทำไม่ได้จริง ชี้ ถ้า “บิ๊กตู่” ลง พปชร.แต่แพ้ประชาธิปัตย์ เกมอาจพลิก
Sharing

รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง กล่าวถึงการประชุมร่วมระหว่างแม่น้ำ 5 สายและพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. มานั่งเป็นประธานการประชุม ท่ามกลางคำครหาของหลายพรรคเรื่องความไม่เหมาะสมเพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ก็เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ พยายามจะแสดงให้เห็นว่าท่านยังมีอำนาจเต็ม อย่างไรก็ตาม ท่านไม่ควรงุดหงิดที่มีพรรคการเมืองไม่ให้ความร่วมมือ เนื่องจากธรรมชาติของนักการเมือง เขาคิดว่าเขาไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน นักการเมืองคิดว่าเขาควรมีสิทธิเสรีภาพภายใต้ขอบเขตของเขา

“ท่านจะมาสั่งให้นักการเมืองให้ซ้ายหันขวาหันไม่ได้ ไม่ใช่ว่านักการเมืองจะดื้อ แต่ท่านต้องเคารพสิทธิเสรีภาพของเขา จึงต้องให้เกียรตินักการเมือง ผมถามว่าบิ๊กตู่จะได้บทเรียนไหม ในเรื่องการติดต่อและความสัมพันธ์กับนักการเมือง ซึ่งต่างจากวิธีติดต่อสัมพันธ์กับข้าราชการ”

รศ.สุขุม ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์กับพรรค พปชร. ว่า ในความคิดของประชาธิปัตย์ เขาจะแข่งขันแบบจริงจังกับพรรค พปชร.เพราะนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ เคยประกาศดักทาง ส.ว.ไว้ว่า เวลาโหวตนายกฯ ต้องเคารพเสียงประชาชน ดังนั้น ประชาธิปัตย์ กำลังพยายามชนะเลือกตั้งเป็นที่ 1 ของฝ่ายตรงข้ามพรรคเพื่อไทย หรือเป็นที่ 2 นั่นหมายถึงต้องชนะ พปชร. ความน่าสนใจจึงอยู่ที่ หาก พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในบัญชีนายกฯ ของ พปชร.แต่แพ้ประชาธิปัตย์ ก็จะขาดความชอบธรรม เพราะนายกฯจะมาจากพรรคที่ 3 ได้อย่างไร ตนเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์กำลังคิดแบบนี้อยู่

ส่วนการที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์สโลแกนของพรรคภูมิใจไทยเรื่องการ “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน” ซึ่งเน้นปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากินของประชาชน มากกว่าการเน้นปฏิรูปลดขนาดระบบราชการว่า ผู้วิจารณ์กำลังคาดหวังเกินไปต่อพรรคขนาดกลาง เพราะต้องเข้าใจความเป็นจริงทางการเมืองว่า พรรคประเภทนี้ควรมีนโยบายที่พอดีกับสมรรถภาพ และต้องทำได้จริงเมื่อได้ร่วมรัฐบาล ดีกว่าการชูนโยบายมากมายหรือทำเรื่องใหญ่เกินไปแล้วไม่สามารถทำได้จริง ตรงนั้นจะเสียหายมากกว่า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวิถีทางของแต่ละกลุ่มการเมือง อย่างพรรคอนาคตใหม่อาจมีจุดยืนชัดเจนตั้งแต่สตาร์ท แต่ที่ผ่านมาต้องยอมรับความจริงกัน อย่างที่นายสมัคร สุนทรเวช เคยประกาศว่า “น้ำครึ่งแก้ว ดีกว่าไม่มีน้ำเลย” เมื่อคราวที่นำพรรคประชากรไทยลงเลือกตั้งภายใต้กติกาที่ไม่เป็นธรรม


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่