“ผมอยากปักธงที่พื้นที่เมืองหลวง คนกรุงเทพอยากได้ทางเลือก พรรคผมยังมีโอกาส”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศชัด พาพรรคเข้าลุยศึกเมืองหลวง หวังแบ่งคะแนนจากขาประจำอย่างประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย ส่งผลให้สมรภูมิเลือกตั้ง กทม. มันหยดขึ้นมาทันที
เพราะภูมิใจไทย ชั่วโมงนี้ เซียนหลายสำนัก ต่างฟันธงว่าไม่ธรรมดา เปี่ยมด้วยกระสุน กระแส และคอนเน็กชั่น ภายในพรรคมีองคาพยพครบครันทั้งสายบุ๋น สายบู๊ เมื่อประกาศสู้ศึกไหน ฝ่ายแชมป์เก่าจะวางใจมิได้
สำหรับศึกเลือกตั้งในพื้นที่เมืองหลวง เป็นการช่วงชิง 30 ที่นั่ง แบ่งเป็นพื้นที่ชั้นในของพรรคประชาธิปัตย์ และพื้นที่ชั้นนอก โดยพรรคเพื่อไทย
กลุ่มของพรรคประชาธิปัตย์ ฝังรากใน กทม.มาอย่างยาวนาน ผู้สมัครล้วนเป็นตระกูลดาวฤกษ์ อาทิ ตระกูลกาญจนชูศักดิ์, โสณกุล, บรรทัดฐาน, สมะลาภา โดยมี ส.ก. และ ส.ข. ทำพื้นที่อย่างเข้มแข็ง แทบปิดช่องว่างให้คู่แข่งเจาะ
ยิ่งไปกว่านั้น การเลือกตั้งผู้ว่า กทม. นับตั้งแต่ปี 2547 ก็เป็นประชาธิปัตย์นี่เองที่กวาดชัยชนะรวด 4 สมัยติดต่อกัน กระทั่ง “ชายหมู” ถูกปลดในยุค คสช.
ล่าสุดการเลือกตั้งปีพุทธศักราช 2554 ใน 33 เขตเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์เอาชนะไปได้ถึง 20 เขต ปล่อยให้พรรคเพื่อไทยเพียง 13 เขตเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม 13 เขตที่พรรคเพื่อไทยชิงมาได้ ก็ยังมากกว่าในช่วงปี 2550 ที่เพื่อไทยได้มาเพียง 8 เขตทั้งที่มีเก้าอี้ให้แย่งชิงมากกว่า
มากันที่คู่แข่งตลอดกาลอย่างพรรคเพื่อไทย ส.ส.ส่วนใหญ่ ล้วนมาจากตระกูลการเมืองที่ครองใจคนพื้นที่มาอย่างยาวนาน
นอกจากนั้นยังได้แรงหนุนจากคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือเจ้าแม่ กทม. ของพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.กทม ในปี 2535 ดูแลพื้นที่มีนบุรี บางเขน หนองจอก ดอนเมือง และวางไลน์การเมืองในเขตดังกล่าวนับแต่นั้นเป็นต้นมา
จุดแข็งของเพื่อไทย ในเขตกรุงเทพ หาใช่กลุ่ม ส.ก.- ส.ข. แต่เป็นกระแสของพรรคเพื่อไทย ซึ่งกินใจ FC โดยเฉพาะเขตกรุงเทพรอบนอก อย่างไรก็ตาม ในเขตชั้นใน มักจะเป็นฝ่ายพ่ายให้กับประชาธิปัตย์
ในอดีตการเลือกตั้งจะสู้กันระหว่าง 2 พรรค แดง กับฟ้า แต่ล่าสุด เมื่อนายอนุทิน ประกาศพาภูมิใจไทย ลุยพื้นที่เมืองหลวง เท่ากับพรรคสีน้ำเงินจะลงมาแข่งขันในสนามมหาหินนี้ด้วย
ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยยังไม่เคยปักธงในพื้นที่ กทม. ได้เลย แต่หาใช่เหตุผลที่จะต้องยอมแพ้ เพราะข้อเท็จจริงคือเสียงในพื้นที่ กทม. สวิงทุกวินาที ทั้งเร็ว และแรง
ในปี พุทธศักราช 2535 พรรคพลังธรรมสามารถคว่ำพรรคประชาธิปัตย์ และเกือบคว้าชัยได้แทบทุกเขต
เรียกว่าเป็นหายนะของประชาธิปัตย์ก็ไม่ปาน
แต่ในปี พุทธศักราช 2539 พรรคพลังธรรม กลับเหลือเพียงคุณหญิงสุดารัตน์คนเดียวเท่านั้น จากปัญหาภายในพรรค ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์กลับมาทวงบัลลังก์แชมป์ กทม. ก่อนจะพ่ายหมดท่าให้กับพรรคไทยรักไทย และพลิกกลับมาชนะในปี 2550
จะเห็นว่า การเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพนั้น ยากเกินคาดเดา และตรงนี้เองคือโอกาสของพรรคภูมิใจไทย ในยุคของนายอนุทิน ชาญวีรกูล
สำหรับแนวรุกของพรรคภูมิใจไทย หาใช่คนคนโนเนม เพราะทุกคนล้วนมีกระแสในพื้นที่ อาทิ
นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ อดีต ส.ก พรรคเพื่อไทย, น.ส.ปราณี เชื้อเกตุ อดีต ส.ก.บางเขน ,น.ส.สายรุ้ง ปิ่นโมรา อดีต ส.ก.คลองสามวา, นายไสว โชติกะสุภา อดีต ส.ก.ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ ,นายณัทวุฒิ หมัดนุรักษ์ อดีต ส.ก.สวนหลวง
น.ส.อุไร อนันตสิน อดีต ส.ก.ปทุมวัน ,นายทวีพร อนุตรพงษ์สกุล อดีต ส.ก.ป้อมปราบศัตรูพ่าย ,นายอนุชาญ กวางทอง อดีต ส.ข.พญาไท, นายบวรกิตติ์ สันทัด อดีต ส.ข.จตุจักร, นายบุญมี พิบูลย์คณารักษ์ อดีต ส.ข.คลองสามวา, นายพงศ์ไฟศาล มะลูลีม อดีต ส.ข.เขตมีนบุรี, นางณิฐ์ภาวรรณย์ จ้อยเอม อดีต ส.ข.ดอนเมือง, นายอัครกฤษ นุ่นจันทร์ อดีต ส.ข.บางกระปิ ,นายสามารถ หวังพิทักษ์ อดีต ส.ข.สะพานสูง
เมื่อบวกกับนโยบายพรรคภูมิใจไทย ที่เอาใจคนกรุงฯ เต็มที่ โดยเฉพาะการเสนอแนวคิด “กรุงเทพ สะดวก สบาย” แก้รถติดแบบบูรณาการ ยึดหลักคิด ต้องลดจำนวนพาหนะบนท้องถนน เริ่มตั้งแต่สนับสนุน GRAB , ทำงานอยู่บ้าน, เรียนออนไลน์
มี “พี่มาร์ช” พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลุสิวรรณ นักดิจิทัล เบอร์ท็อปของเมืองไทย อดีตรองประธาน กสทช. คอยสานฝันให้เป็นจริง
จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า “ภูมิใจไทย” ได้เข้ามาแข่งในพื้นที่ กทม. อย่างเต็มตัว
เป็นอานิงสงค์ของคนกรุง มีตัวเลือกดีๆ เพิ่มขึ้น
Ringsideการเมือง