เงินหาย รายได้หด ค่าครองชีพสูง อุ้มคนรวย – ไม่ช่วยคนจน และ “ประชาชนจะตายแล้ว”
คือเสียงสะท้อนอันเกิดจากปัญหาปากท้องที่รุมเร้าประชาชนตลอดหลายปี ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าการเมือง มีส่วนสำคัญทำให้ปัญหาลุกลาม
เราชิงอำนาจกันมาตลอด แต่ในยุคปัจจุบัน ต้องนับกลับไปตั้งแต่ปี 2548
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ น่าสงสัยว่า ฝ่ายผู้มีอำนาจต่างมองเห็นการเมือง เป็นเพียงเรื่องของการช่วงชิง เอาชนะคะคาน จนลืมเห็นหัวประชาชน
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สํารวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศเกี่ยวกับความ วิตกคนไทย ณ วันนี้ จํานวนทั้งสิ้น 1,273 คน สรุปผล “10 อันดับ ความวิตกกังวล” ของ คนไทย
ประเด็นที่คนไทยกังวลมากที่สุด
อันดับ 1 ชีวิตความเป็นอยู่ ปากท้อง รายได้ ค่าครองชีพสูง ของกิน-ของใช้แพง 78.32% เพราะมีหนี้สิ้น เงินไม่พอใช้ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย มีภาระมาก ความเป็นอยู่ลําบาก สังคมเหลือมลํ้า ฯลฯ วิธีแก้ ประหยัด กินใช้อย่างพอเพียง ทํางานหารายได้เพิ่ม กู้ยืม หมุนเงิน รัฐบาลช่วยเหลือ เร่งแก้ไขปัญหา ฯลฯ
อันดับ 2 เศรษฐกิจตกตํ่า การค้าการลงทุนไม่ดี 69.05% เพราะกระทบต่อทุกภาคส่วน มีคนตกงาน ต่างชาติไม่ลงทุน ทําให้ประเทศไม่ก้าวหน้า คนไม่มีกําลังซื้อ ฯลฯ วิธีแก้ รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งเสริมการลงทุน ธนาคารให้กู้ยืมดอกเบี้ย ตํ่า ยกเว้นภาษี เร่งจัดการเลือกตั้ง ฯลฯ
เบียดปัญหาการเมือง และปัญหาอื่น ให้อยู่ในอันดับรองลงไป
ซึ่งสอดคล้องกับข้อเท้จจริงของหน่วยงานจากทางภาครัฐ
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ แถลงถึงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาสที่ 3 ปี 2561 ซึ่งตัวเลขจีดีพีที่ประกาศออกมาตกต่ำพลิกความคาดหมาย โดยขยายตัวเพียง 3.3% เท่านั้น ทำให้ต้องปรับลดประมาณการจีดีพีกันใหม่ โดยคาดหมายว่าจะเติบโตเพียง 4.2% จากเดิมเคยคาดว่าจะเติบโต 4.5%
ตัวเลขจีดีพีกำลังตอกย้ำว่า เศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซาสุดขีด นักลงทุนแทบไม่เหลือความเชื่อมั่นในประเทศไทย และเงินทุนยังไหลออกไม่ขาดสาย
ขณะที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นความหวัง ในฐานะเครื่องยนต์ตัวสุดท้าย ถูกปิดสวิตช์จากกรณีเรือล่ม เมื่อช่วงกลางปี และความผิดพลาดด้านการสื่อสารจนทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนหล่นวูบ
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยปัญหาราคาพืชผลที่ตกต่ำตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมา กระทบต่อรายได้ของเกษตร และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกว่า 16 ล้านครัวเรือน
อย่าว่าแต่ค้าปลีกรายใหญ่ ๆ เลย ใครที่ไปเดินตลาดนัดตอนเย็น ๆ ก็จะเห็นว่า บางวันแม่ค้าพ่อค้ามีมากกว่าคนซื้อเสียอีก
เศรษฐกิจไม่ดี ธุรกิจย่ำแย่ หลาย ๆ บริษัทต้องเลย์ออฟพนักงาน ใครออกงาน ตกงาน คิดไม่ออกก็ลงทุนขายของ ขายอาหาร ขายขนม ขายผลไม้ ขายกาแฟ ฯลฯ
พ่อค้าแม่ขายบ่นกันอุบ กำรี้กำไรคงไม่ต้องพูดถึง เพราะขายได้แต่ละวันก็แทบจะไม่พอค่าเช่าที่ ค่าเช่าแผง
ชัดเจนว่า คนไทย กำลังอยู่ในสภาพของ “ทุกข์ซ้ำ กรรมซัด”
และต้องการแนวทางการแก้ปัญหา ที่จับต้องได้ ไม่ขายฝัน เพื่อชุบชีวิตคนไทย ให้ฟื้นกลับสู่ความสดใส
เรามีพรรคการเมืองในสนามเลือกตั้งเกือบ 100 พรรค แต่ละพรรคเริ่มชูแนวทางการหาเสียงออกมาแล้ว แต่จะมีเพียงบางพรรค ที่ชูนโยบายแก้ปัญหาปากท้องอย่างจริงจัง ใช้นโยบายเป็นธงนำ
“ทำได้จริง ทำได้เร็ว”
ส่วนบางพรรค “พูดดี แต่ไม่มีผลงาน”
ขณะที่พรรคการเมืองอีกจำนวนหนึ่ง ต้องการรักษาอำนาจ ไปจนถึงหวังล้างแค้น
คนไทยผ่านประสบการณ์มามาก รู้ว่าเลือกอะไร จะได้ผลลัพท์แบบไหน
การเลือกตั้ง ที่กำลังจะเกิดขึ้น เป็นโอกาสของคนในชาติ ที่จะเลือก เพื่อตื่นจากฝันร้าย หรือเป็นการเลือก เพื่อให้กลับไปในวังวนเดิม
วังวนแห่งความช่วงชิงอำนาจ อย่างมีรู้จักจบสิ้น
การตัดสินใจ อยู่ในมือประชาชน
///
Ringsideการเมือง