รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก เป็นนักวิชาการทางกฎหมาย อดีตที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า กติกาการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญที่เพิ่งออกมา ไม่สามารถแก้วงจรความขัดแย้งหรือแบ่งขั้วได้ออกเป็นฝักฝ่ายได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะนิสัยทางการเมืองรวมถึงพฤติกรรมการเลือกตั้งของคนไทย
ส่วนการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมปราศรัยพรรคเพื่อไทย ออกมาแสดงความมั่นใจว่าพรรคการเมืองฝ่ายเพื่อไทยจะได้ ส.ส.รวมกันกว่า 300 ที่นั่งว่า เป็นไปได้ยากมาก เพราะแม้สมัยก่อนที่พรรคไทยรักไทยยุค ดร.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับความนิยมสูงสุด ยังอยู่ที่ 48-49% ได้ ส.ส.300 กว่าที่นั่ง ฉะนั้น กติการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งจำนวน ส.ส.จะไม่บิดเบือนเหมือนเดิม ทำให้ฝ่ายเพื่อไทยจะได้ ส.ส.ตรงตามสัดส่วนจริงๆ อาจจะอยู่ที่ 40-50% หรือ 200-250 ที่นั่งเท่านั้น ฉะนั้น หากต้องการได้ 300 ที่นั่ง ต้องได้รับความนิยมกว่า 60% ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก
รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎ์ ยังกล่าวถึงแนวทางการเมืองแบบไหนที่จะมาช่วงชิงความได้เปรียบภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า ตัวกฎหมายหลักคือรัฐธรรมนูญ ทำอะไรกับการเลือกตั้งไม่ได้มาก เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไปอยู่ที่บทเฉพาะกาล และมีคนที่มีอำนาจรัฐ แล้วใช้อำนาจได้อย่างเบ็ดเสร็จคือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และพรรค คสช. หรือพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อเป็นแบบนี้ เราเขียนรัฐธรรมนูญดีอย่างไรก็แล้วแต่ กลไกนี้มันอยู่นอกเหนือรัฐธรรมนูญ รวมทั้งมีสภาพการณ์ตามความเป็นจริงที่เขาทำได้เยอะ สมมุติรัฐธรรมนูญจะเขียนไม่ให้ดูด ก็เขียนยาก เพราะการสมัครสมาชิกพรรคหรือย้ายพรรคเป็นเสรีภาพ ส่วนการใช้อำนาจรัฐ เอางบประมาณไปแจกประชาชน จะบอกว่าห้ามทำก็ไม่ได้ เพราะมันมีช่องว่าง เรื่องนี้เขียนในรัฐธรรมนูญไม่ได้
“บางนโยบายถ้ามันทำมาตั้งนานแล้ว คนเขาก็พูดกันได้ว่าเป็นนโยบายปกติ แต่ว่าท่านมาทำตอนนี้ ท่านทำมาเพื่ออะไร เพื่อหาเสียงหรือไม่ คนเขาก็คิดแบบนี้ ผมไม่ทราบว่าท่านจะถึงขั้นโกงเลือกตั้งอย่างที่บางฝ่ายกล่าวหาหรือไม่ แต่ความได้เปรียบตรงนี้ท่านมีแน่นอน ทั้งนี้ ไม่ใช่แต่รัฐบาล คสช. เพราะทุกรัฐบาลในโลกนั้น คนที่ยังเป็นรัฐบาลอยู่มีความได้เปรียบในการหาเสียง แต่ความสำคัญอยู่ตรงที่ จะเอาความได้เปรียบนั้น ไปเอารัดเอาเปรียบแค่ไหน” รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎ์ กล่าว