คิวร้อนหลังปีใหม่ ทุกพรรคการเมืองต้องเสนอชื่อแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ที่หลายพรรคต่างเก็บชื่อเอาไว้ รอเซอร์ไพรส์ประชาชน แต่สำหรับพรรคภูมิใจไทย งานนี้ไม่มีอุบไต๋ ประกาศร้อยรอบ จากร้อยคน ได้ชื่อเดียว “พี่หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยคนปัจจุบัน อดีตนักธุรกิจผู้มากประสบการณ์ เต็มเปี่ยมด้วยความสำเร็จ ที่วันนี้ หันทำงานการเมืองเต็มตัว
เมื่อเช็กประวัติ จะพบว่า นายอนุทิน แม้จะมีชื่อในวงการเมืองมานาน แต่หาได้มีความเคี่ยว และออกจะละอ่อนในโลกใบนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะหากย้อนกลับไป เขามีโอกาสนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีในช่วงปี 2547 – 48 ในฐานะของ “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพานิชย์” ก่อนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหลังการยึดอำนาจปี 2549
จากนั้น ได้สิทธิ์ทางการเมืองคืนในปี 2554 ซึ่งขณะนั้น พรรคเป็นฝ่ายค้าน กระทั่งได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในปีต่อมา
บทบาททางการเมืองที่เด่นชัด คือการพาพรรคลงเลือกตั้งในปี 2557 ท่ามกลางการต่อต้านของกลุ่ม กปปส. สะท้อนจุดยืนทางการเมืองของคนชื่ออนุทิน ก่อนที่ในปีเดียวกันจะเกิดการยึดอำนาจ
เท่ากับอายุการเมืองของ “พี่หนู” นั้นแสนสั้น
แต่ในความโชคร้าย ส่งผลให้นายอนุทิน กลายมาเป็นความหวังของคนไทยจำนวนมาก เนื่องจากมีภาพความสดใหม่ ทั้งอายุ และไอเดีย เพราะที่ผ่านมา ไม่เคยถูกโคลนการเมืองดูดเข้าไปในวังวนความขัดแย้ง ซึ่งเปรียบเหมือนตม ที่ใครแหย่เข้าไป มีแต่ความเลอะเทอะเปรอะเปื้อน แต่ “พี่หนู” วางตัวเสมอต้นเสมอปลายมาตลอด
ยิ่งได้แรงขับจากกิจกรรมจิตอาสารับส่งอวัยวะ ยิ่งเสริมภาพลักษณ์มากขึ้นตามลำดับ จนมีชื่อเป็นแคนดิเดทนายกฯในบางช่วงบางเวลา
ทว่านายอนุทินก็แมนพอ ประกาศความชัดเจนว่า “จะไม่เป็นตาอยู่ ไม่อยากฉวยโอกาส จากความขัดแย้ง” ที่สื่อหลายสำนักต่างยกนิ้วให้ เพราะหาได้ยากกับนักการเมืองที่กล้าประกาศเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม นายอนุทิน ไม่ได้เพียงแสดงทัศนะในเรื่องการเมือง แต่หลายครั้งโชว์กึ๋นด้านเศรษฐกิจ และสังคม อาทิ การสนับสนุนให้รัฐใช้จ่ายกับการจ้างคนไทย และซื้อเทคโนโลยีจากคนไทย แทนที่การนำเงินหลายแสนล้านบาทไปซื้อของนอก ซึ่งไม่เกิดการจ้างงาน และไม่ก่อให้เกิดการสะพัดของเม็ดเงินที่ควรจะหมุนอยู่ในประเทศนี้ 7-8 รอบ
ไปจนถึงการสนับสนุน ให้กระจายงบประมาณออกนอกพื้นที่เมืองหลวง เพื่อสร้างการเจริญเติบโตแก่จังหวัดอื่นอย่างเท่าเทียม เป็นการแก้ปัญหารถติดใน กทม. พร้อมไปกับการพัฒนาอีก 76 จังหวัดในประเทศ
นอกจากนั้น ยังปรากฎภาพนายอนุทินพบปะพี่น้องประชาชนอยู่เรื่อย ทั้งการดูพื้นที่น้ำท่วม แก้ไขสวัสดิการคนพิการ รับฟังปัญหาชาวนา โดยมีทีมยุทธศาสตร์คอยตามเก็บข้อมูล
อาทิ เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายน แอบดอดไปพบชาวบ้านที่ยโสธร ปรากฎว่ามีคนรอต้อนรับกว่า 3 พันคน วันนั้นได้ฟังปัญหา ซึ่งผู้ติดตามต้องบึกทึก เพื่อหาทางแก้ไขกันจนมือหงิก
การลงพื้นที่ ทั้งหมดจะปรากฎภาพในเพจส่วนตัว กับทีมงานผู้ติดตามเท่านั้น เนื่องจากไม่มีการแจ้งสื่อ เพราะ “พี่หนู” เน้นทำงานจริง ตามสไตล์วิศวกร
ล่าสุด ยิ่งได้ใจคนไทยยุค 4G ขึ้นไปอีก เมื่อควงแขน “เดอะมาร์ช” พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธาน กสทช. ที่วันนี้ เป็นหนึ่งในทีมยุทธศาสตร์พรรคภูมิใจไทย ขึ้น GRAB พร้อมประกาศ จะทำให้ GRAB เป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพื่อเพิ่มโอกาสด้านอาชีพให้กับคนไทย และลดความขัดแย้งระหว่างประชาชน ที่ได้รับเสียงตอบรับจากสังคมอย่างล้นหลาม เพราะถือเป็นเรื่องที่คุยกันมานาน แต่ไม่มใครขยับจริงจัง
เห็นจะมีเพียง “พี่หนู และเดอะมาร์ช” ที่ตอบรับอย่างเป็นรูปธรรมที่สุด ถึงขนาดที่พรรคภูมิใจไทย ร่างกฎหมายรอไว้แล้ว ขอเพียงโอกาสในการทำงานเท่านั้น
ชัดเจนว่า กระแสของคนชื่ออนุทิน เริ่มก่อกำเนิดเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะความตั้งใจทำงาน วิสัยทัศน์ และการวางตัว ซึ่งเริ่มเข้ามาเป็นตัวเลือกในใจคนไทย กระทั่งมีชื่อติดโผนายกฯ
มาชั่วโมงนี้ หลายพรรคอาจยึกยัก เวลาถามว่าหนุนใครเป็นนายกฯ เพราะไม่ชัวร์เรื่องความนิยม ซึ่งต่างจากภูมิใจไทย ที่มีความมั่นใจพร้อมตอบคำถามเป็นเสียงเดียวกันว่า
“เลือกภูมิใจไทย ได้อนุทินเป็นนายกฯ”
Ringsideการเมือง