จากกรณีที่ มรว. ปรีดียาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี วิพากษ์การทำงานของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ ระบุว่า ตนไม่เคยเอื้อประโยชน์ให้ใครเป็นพิเศษ ส่วนใครจะโจมตีตน ก็ต้องไปถามว่าเขาหวังผลอะไร
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเวทีหาเสียงชูพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกฯ พลเอกประยุทธ์ ตอบว่า ตนยังไม่ตอบรับว่าจะทำงานร่วมกับใคร ขอให้ระมัดระวังด้วย เพราะตอนนี้ตนยังไม่ได้ตัดสินใจอะไรทั้งสิ้น
ขณะที่พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกมาโต้ “หม่อม” อุ๋ย กรณีที่มีการพาดพิงกองทัพได้อำนาจพิเศษมากกว่าฝ่ายข้าราชการพลเรือน ว่า ถ้าไปมองในภาพนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะสถานการณ์ที่ผ่านมาเป็นวิกฤตของความขัดแย้ง ซึ่งอาจจะลามไปถึงความรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงท้ายอาจจะมีการรัฐประหารปี’57 มีการใช้อาวุธกับประชาชน
“ตนรู้อย่างเดียวว่าสิ่งที่ทำให้ คสช.อยู่ได้คือประชาชน ไม่ใช่ปืน ไม่ใช่อาวุธ หรือไม่ใช่เจ้าหน้าที่ แต่เป็นประชาชนต่างหาก และถ้าเขาไม่เอาเรานะวันนี้ ไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง คุณก็อยู่ไม่ได้แล้ว ตนมั่นใจ”
สำหรับกรณีที่ “หม่อมอุ๋ย” ระบุว่าไทยเอาใจจีนมากกเกินไป ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ออกมาโต้ว่า
ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน ไทยเป็นเพื่อนกับทุกประเทศ ส่วนประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่และสำคัญ และเราใกล้ชิดกันมานานแล้ว ขณะที่ระยะหลังๆ พึ่งพาอาศัยกันมาตลอด แต่ไม่ใช่ประเทศจีนประเทศเดียว ยังมีญี่ปุ่น ประเทศตะวันออกกลาง ประเทศในสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกาที่เป็นดังมหามิตร ดังนั้นจึงไม่มีอะไร
ส่วนที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรอ้างถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ-หนองคาย ถ้าพูดกันแบบตรงไปตรงมา ประเทศในเอเชียด้วยกันที่มีความสามารถทำได้คือญี่ปุ่น และจีน นอกนั้นจะเป็นประเทศทางตะวันตก และการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไม่ได้มีแค่เรื่องก่อสร้างอย่างเดียว แต่มีเรื่องการช่วยเหลือสินค้าเกษตรของไทยจากจีนด้วย อย่างไรก็ตาม มันคิดได้ทั้งนั้นว่าเรามีอะไรเป็นพิเศษกับจีน สหรัฐและญี่ปุ่น เพราะในความเป็นจริงเราเป็นเพื่อนกัน มีโครงการความร่วมมือหลายอย่าง
สุดท้าย นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วงรองนายกรัฐมนตรี พลเอกประวิตร วงสุวรรณ ออกมากล่าวถึง “หม่อมอุ๋ย” ผ่าน FB ส่วนตัว ว่า ไม่ใช่เช่นนั้นแน่นอน ไทยเป็นเพื่อนกับทุกประเทศ ส่วนประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่และสำคัญ และเราใกล้ชิดกันมานานแล้ว ขณะที่ระยะหลังๆ พึ่งพาอาศัยกันมาตลอด แต่ไม่ใช่ประเทศจีนประเทศเดียว ยังมีญี่ปุ่น ประเทศตะวันออกกลาง ประเทศในสหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกาที่เป็นดังมหามิตร ดังนั้นจึงไม่มีอะไร
“จู่ๆ หม่อมอุ๋ยก็มาฉะลุงตู่ 1.เรื่องที่นำมาพูด เป็นเรื่องเก่าครั้งหม่อมท่านยังเป็นรองนายก 2.หม่อมท่านพ้นจากตำแหน่งรองนายกมากว่า 3 ปีแล้ว ถ้าเรื่องนี้จริงและพูดตอนนั้นก็จะแมนมาก แต่ปล่อยไว้หลายปีเพิ่งเอามาพูด จึงเป็นเรื่องเน่าไปแล้ว หาประโยชน์อันใดไม่ได้ 3.ถ้าเรื่องที่พูดจริงก็แสดงว่ามีการสั่งให้ทำผิดกฎหมาย คนที่รับคำสั่งให้ทำผิดกฎหมาย ถ้าไม่ดำเนินคดี ก็มีความผิดด้วยนะครับ 4.ลุงตู่แกเป็นคนระมัดระวังรอบคอบ ไม่ให้ใครอ่านทางได้หรอก ขนาดเขียนหนังสือยังอ่านไม่ออกเลย ลุงวิลาศแกจึงต้องเป็นล่ามแปล จึงไม่มีทางที่จะไปสั่งให้ใครทำผิดกฎหมายแบบนั้นหรอกครับ”