นางสาวอุไร โชติรุ่งโรจน์ ว่าที่ผู้สมัครสมชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดสงขลา เขต 6 เปิดเผยว่า การลงพื้นที่หาเสียงในพื้นที่พบว่าประชาชนให้การต้อนรับดีมาก เพราะประชาชนเริ่มมองหาการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และการลงไปพบกับกลุ่มพี่น้องทั้งกลุ่มสตรีและกลุ่มอาสาสมัครหมู่บ้านหรือ อสม.ประชาชนในกลุ่มต่างๆตอบรับนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจพอสมควร ดังนั้นชาวบ้านจึงอยากได้นักการมืองที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาปากท้อง ให้กับประชาชนมากกว่าที่ผ่านมา
“สถิตินักท่องเที่ยวลดลงไปเป็นจำนวนมาก อำเภอหาดใหญ่ไร้นักท่องเที่ยวมาหลายปีแล้ว เศรษฐกิจไม่ดีเลย ทีเป็นเช่นนี้เพราะเศรษฐกิจตกต่ำประกอบกับราคาพืชผลทางการเกษรตกต่ำ ทำให้ทั้งคนไทยและต่างชาติไม่มาท่องเที่ยวในหาดใหญ่มากเม็ดเงินรายได้จากการท่องเที่ยวลดลงจบเกือบติดลบ ส่งผลให้เมืองรองได้ผลกระทบตามไปด้วย อย่างไรก็ตามประชาชนหวังว่าหลังเลือกตั้งเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา”
เช่นเดียวกับ นายสมชาย ไชยยศ สมาชิกพรรคภูมิใจไทยจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า ประชาชนเดือดร้อนมากในหลายปีที่ผ่านมา ชาวบ้านในพื้นที่ประสบปัญหาทั้งเรื่องที่ดินทำกินและปัญหาปากท้องมาก ปัจจัยสำคัญคือราคาสินค้าเกษตรตกต่ำมากมานหลายปี ทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้รายได้ไม่พอใช้จ่ายในครัวเรือน รวมทั้งความช่วยเหลือจากภาครัฐก็เข้าไม่และไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก ให้มีปัญหาหนักมาก วันนี้ราคายางอยู่ที่ 33-34 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้นหรือชาวบ้านบอกว่ายางเดี่ยวนี้ 3 โล 100 บาทในขณะเดียวกันราคาขี้ยางยิ่งตกต่ำหนักเข้าไปอีกอยู่ที่ 5 โล 100 บาท พี่น้องเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมาก ทั้งนี้ประชาชนมีความหวังว่าหลังเลือกตั้งแล้วน่าจะดีขึ้น
“หลายปีที่เกษตรกรไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลหลายรัฐบาลทีผ่านมา ดังนั้นทางประชาชนเลยต้องการนายกรัฐมนตรีที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจน่าจะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ ส่วนตัวสนับสนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเชื่อมั่นประสบการณ์ในบริหารธุรกิจ”
ด้านนายนายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวต่อว่า การท่องเที่ยวในจังหวัด แม้จะมีภาพรวมเรื่องการท่องเที่ยวดีขึ้น แต่คนในจังหวัดไม่ได้อะไรเลย เพราะกลายเป็นเมืองผ่าน นักท่องเที่ยวไม่ใช้จ่ายในเขตเมืองมากนัก นักท่องเที่ยวบินตรงไปที่หมายเลยส่งผลให้คนสุราษฎร์ธานี ไม่ได้รับประโยชน์กับท่องเที่ยวมากนัก ทั้งๆที่ในตัวเมืองตัวเมืองมีจุดที่จะขายด้านการท่องเที่ยวแต่ไม่ได้รับความสนใจจากภาครัฐ ดังนั้นมองว่าหากปล่อยไว้ก็ไม่สามารถกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวให้เศรษฐกิจในตัวเมืองดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา