นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในงานแถลงนโยบายพรรคภูมิใจไทย และเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ทั่วประเทศ ที่สนามช้างอินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ว่า เพรรคภูมิใจไทย ตั้งใจทำงาเพื่อพี่น้องประขาขน และขอให้พี่น้องไว้วางใจภูมิใจไทย หากภูมิใจไทย ได้เสียงในสภามากเป็นอันดับ 1 ผม นายอนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้ หมูไม่กลัวน้ำร้อนแล้ว
ทั้งนี้ นายอนุทินมาถึงงานประมาณ 15.30 น.ท่ามกลางการต้อนรับของประชาชนกว่า 3 หมื่นคน จากนั้นนายอนุทินได้รับพรจากนายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา ที่นำเอาผ้าขาวม้ามาผูก
นายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณชาวบุรีรัมย์ที่มาให้กำลังใจในวันนี้ พรรคภูมิใจไทยเกิดที่จังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดบบุรีรัมย์จึงเปรียบเสมือนบ้านของพรรคภูมิใจไทย ยิ่งกับตนแล้ว ตนเคารพนายชัย ชิดชอบ เหมือนพ่อ และเคารพนายเนวิน เป็นพี่ชาย และตนชื่นชมในความสามารถของทั้งคู่ที่สามารถพัฒนาบุรีรัมย์ จากจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวปีละ 8 แสนคน ให้มีนักท่องเที่ยวสูงถึงปีละ 3 ล้านคน ตรงนั้น คือโมเดล ที่เราจะนำมาใช้พัฒนาประเทศไทย
พรรคมีนโยบาย 4 ข้อหลัก คือ 1 เรามุ่งมั่นแก้ปัญหาปากท้องเป็นหลัก 2 เราปฏิเสธความขัดแย้ง เพราะความขัดแย้งนำมาซึ่งความยากจน และความยากลำบาก 3 พรรคภูมิใจไทย เน้น ทำมากกว่าพูด 4 พรรคต้องเคารพกติกา และเลือกยืนเคียงข้างประชาชนเท่านั้น
“เราเลือกข้างมานานแล้ว อยู่ข้างพี่น้องประชาชน ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เราขอประกาศสงครามกับความแตกแยก ความยากจน และความเหลื่อมล้ำ”
ด้านนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงนโยบายพรรคว่า พรรคยืนยันจะทำนโยบายแบ่งปันกำไรข้าว โดยเราจะมีกองทุนข้าว ซึ่งประกอบไปด้วยคณะกรรมการหลายฝ่าย แต่ฝ่ายเกษตรกรต้องมีเสียงเกินครึ่ง กองทุนดังกล่าวมีหน้าที่กำหนดการผลิต ประกันความเสี่ยง หาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ไปจนถึงการจัดจำหน้าย และการแบ่งปันกำไร ยังอยู่บนหลักการ 75 10 15 หรือชาวนาได้ส่วนแบ่งจากกำไรคิดเป็น 75% โรงสีได้ 10 และผู้ส่งออก แลละพ่อค้าข้าวถุงได้ 15%
นอกจากนั้น เรายังสนับสนุนให้ปาล์มเป็นทางเลือกหลักในการผลิตไฟฟ้าเพื่อดันราคาให้สูงแตะกิโลกรัมละ 5 บาท เช่นเดียวกับการเพิ่มสัดส่วนการใช้อ้อย และมันสำปะหลังในการผลิตเชิ้อเพลิง
นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงปัญหาหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ว่าเรื่องนี้เป็นเหมือนเวรกรรมของพี่น้องประชาชน เราอยากเห็นลูกหลานมีการศึกษาที่ดี มีงานมีการทำ แต่เพราะความจนทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน เป็นหนี้ กยศ. แถมยังตกงาน ดังนั้น เมื่อไม่มีงานทำ เลยไม่มีเงินไปใช้หนี้ ที่ผ่านมาตนพบว่า ดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ กยศ.นั้นแพงเกินไปกว่า 18% แถมทาง กยศ.ยังต้องเสียเงินค่าจ้างทนายรายละ 1 หมื่นบาทอีกด้วย
ทั้งนี้ การศึกษาถือว่าเป็นการพัฒนาประเทศ จะคิดแบบธุรกิจไม่ได้ เราไม่สมควรคิดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยจะแก้ปัญหาหนี้ กยศ. ด้วยการไม่คิดดอกเบี้ย ยกเลิกเบี้ยปรับ 18% เป็น 0% และปลดภาระผู้ค้ำประกัน อีกทั้งให้ผ่อนคืน 10 ปี รวมถึงการพักหนี้ 5 ปี เพื่อให้โอกาสเยาวชนเรียนเพิ่มเติม ด้วยการเรียนฟรีตลอดชีวิตจากระบบออนไลน์ หรือ Thailand Sharing University
ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทย ยังมีนโยบายจะยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) เพื่อยกระดับสุขภาพของชาวชุมชน เพิ่มค่าตอบแทน 2,500-10,000 บาท และผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่มาเพิ่มศักยภาพของ อสม. ให้กลายเป็นหมอประจำบ้าน ซึ่งถือว่าเป็นต้นทางของการรักษา ทางพรรคภูมิใจไทยจึงเตรียมร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องไว้แล้ว
“ปัญหาหลักทั้ง 3 ด้านคือ เรื่องการเกษตร เรื่องการศึกษา และเรื่องสาธารณสุข ที่กล่าวมาข้างต้น หลายคนอาจสงสัยว่าพรรคภูมิใจไทยจะทำได้หรือไม่ ผมอยากให้ดูการเจริญเติบโตของจังหวัดบุรีรัมย์ แต่ก่อนเป็นจังหวัดที่ยากจนและแห้งแล้ง ทุกวันนี้กลายเป็น “บุรีรัมย์โมเดล” เมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทย ที่มีคนมาเที่ยวมากกว่า 3 ล้านคนต่อปี มันเป็นความจริงไปแล้ว” นายศักดิ์สยามกล่าว
นายศักดิ์สยาม ยังนำเสนอนโยบายกัญชาเสรี โดยชี้ให้เห็นประโยชน์ของกัญชา ซึ่งซื้อขายกันอยู่ที่กิโลกรัมละ 7 หมื่นบาท และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมอย่างมหาศาล ที่สำคัญกัญชาไทยก็มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน พรรคภูมิใจไทยจะผลักดันกัญชาให้เป็นพืชเศรษฐกิจต่อไป