นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายแบ่งปันกำไรข้าว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผลประโยชน์ในธุรกิจข้าว จนอาจกระทบกับกลุ่มมาเฟียในกลุ่มธุรกิจดังกล่าวว่า แนวทางของพรรคเรา เราให้คนทุกกลุ่มเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการข้าวอยู่แล้ว ในกลุ่มนั้นจะต้องมีตัวแทนชาวนา ตัวแทนพ่อค้า ตัวแทนโรงสี แต่ที่สุดแล้วคุณต้องแบ่งปันผลกำไรให้ชาวนา 75% แบ่งปันกำไรให้พ่อค้า 15% และแบ่งปันให้โรงสี 10% ทั้งผมและทีมยุทธศาสตร์ของพรรคคิดตรงกันว่า ด้วยการแบ่งปันแบบนี้ ทุกฝ่ายอยู่ได้กำไรแน่นอน เพราะชาวนา ลงทุน ลงแรงมากที่สุด จำนวนก็มากที่สุด ก็ต้องได้มากกว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้องชอบธรรม ในอดีต การแบ่งผลประโยชน์มันบิดเบี้ยว คนทำน้อยได้มาก คนทำมากได้น้อย เราแค่ต้องทำให้มันถูกต้อง ส่วนใครที่คิดว่าตัวเองเสียผลประโยชน์ก็โวยวายกันในที่ประชุมเลย ส่งตัวแทนไปคัดค้าน ให้ประชาชนรู้ว่าคุณไม่พร้อมสละกำไรให้ชาวนา ซึ่งเขาทำงานหนักกว่า
“ผมก็มีมือมีเท้าเหมือนกัน บางทีคนที่เรียกตัวเองว่ามาเฟีย ว่าพวกผู้มีอิทธิพล อาจกลัวผม เพราะผมคิดดี ทำดี มีความดีเป็นเกราะป้องกันตัว ผมไม่กลัว และผมก็อยากทำให้สำเร็จ ถ้าทำสำเร็จ ผมพอใจแล้ว ลาออกเลยก็ได้ เพราะได้ฝากผลงานให้กับคนไทย นี่คือความใฝ่ฝันของนักการเมืองทุกคน”
เมื่อถามว่านโยบายของภูมิใจไทยจะสู้กับนโยบายจำนำข้าว และประกันราคาข้าวได้หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า ทั้ง 2 นโยบาย มันอาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญทางพรรคไม่กล้าเสี่ยงนำมาใช้ ทางพรรค เราอยากให้ชาวนามากเท่าที่จะมากได้ เข้าใจความลำบากของชาวนา แต่ในความเป็นจริง มันขัดกฎหมาย พรรคต้องคิดวิธีที่มันมีโอกาสทำได้มากที่สุด ยั่งยืนที่สุด ตกผลึกที่การแบ่งปันกำไรข้าว
คิดกันขนาดนี้ ก็ยังมีเสียงท่านนายกฯ ว่ามันจะทำไม่ได้ มันจะติดนั่น ติดนี่ แต่ตนมั่นใจว่าทำได้ เพราะหลังจากทราบข่าวว่าท่านนายกฯท้วงติงมา ตนรีบโทรศัพท์หาทีมยุทธศาสตร์และนักวิชาการของพรรคเลยว่ามันทำได้ไหม ก็ได้ความสบายใจว่าทำได้แน่นอน ก็ขนาดอ้อย ยังทำได้ มีพระราชบัญญัติอ้อยและน้ำตาลมาคุมการแบ่งกำไร บังคับใช้มาตั้ง 30 กว่าปี แล้วทำไมข้าวถึงจะทำไม่ได้ คุยกันแล้ว ก็มั่นใจว่าไม่ได้ขายฝันใคร