หน้าแรก news สบายใจได้เพื่อนฝูง ! กรมควบคุมมลพิษ ยัน อากาศเมืองกรุงยังไม่วิกฤติ

สบายใจได้เพื่อนฝูง ! กรมควบคุมมลพิษ ยัน อากาศเมืองกรุงยังไม่วิกฤติ

0
สบายใจได้เพื่อนฝูง ! กรมควบคุมมลพิษ ยัน อากาศเมืองกรุงยังไม่วิกฤติ
Sharing

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เผยภายหลังการประ ชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งพบว่ามีค่าเกินมาตรฐานต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยผลการตรวจวัดล่าสุด เมื่อเวลา 18.00 น.ค่าฝุ่นละอองสูงขึ้นจากเวลา 12.00 น.แต่สูงไม่มากนักในทุกจุดตรวจพบค่าระหว่าง 57-87 ไมโคร กรัมต่อลูกบาศก์เมตร โดยรวมอยู่ในระดับเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งพื้นที่ริมถนน และพื้นที่ทั่วไปรวม 42 จุด

นายประลอง กล่าวว่า ขณะนี้จะยังไม่ใช้มาตรา 9 ของพ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 มาแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพราะขณะนี้ยังมีมาตรการที่ยังอยู่ระหว่างดำเนินการ การใช้มาตรา 9 จะเป็นลำดับสุดท้ายที่จะพิจารณา เพราะแผนและมาตรการต่างๆ ที่มีการทำงานร่วมกับกรุง เทพมหานคร ตำรวจจราจร และอีกหลายหน่วยงานที่ทำไปแล้ว เพื่อลดฝุ่นทั้งมาตรการเฉพาะหน้าทั้งการตรวจจับรถควันดำที่มีการตรวจ 20 จุดรอบ แต่จะพิจารณาตั้งจุดตรวจในเขตเมืองชั้นในเพิ่มเติมรวมอีก 5 จุดทั้งการทำฝนหลวงเพิ่มในพื้นที่จ.นครสวรรค์

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห้งชาติ(คสช.) ออกแถลงการณ์เรื่อง“สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน”ว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รัก ตามที่เกิดสถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐานบริเวณกรุงเทพและปริมณฑล 5 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ นั้น ขออธิบายให้เข้าใจว่า ฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน เทียบอย่างง่ายว่ามีขนาดประมาณ 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมมนุษย์ ขนจมูกของมนุษย์ไม่สามารถกรองได้ PM2.5 ซึ่งมีสาเหตุมาจากไอเสียดีเซล การเผาวัชพืชและขยะ โรงงานอุตสาหกรรม ควันบุหรี่ และสารเคมีจากปุ๋ยในดิน

จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เร่งสั่งการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องรีบแก้ไขและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาล ได้จัดตั้งสถานีวัดคุณภาพอากาศเพื่อประเมินสถานการณ์คุณภาพอากาศทุกวัน และสั่งการให้ กรมควบคุมมลพิษ ประสานงานกับ กทม. และปริมณฑล เพื่อดำเนินมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM2.5 อย่างต่อเนื่อง โดยย้ำให้ดำเนินมาตรการเร่งด่วน ดังนี้

1. เพิ่มความถี่ในการกวาดล้างทำความสะอาดถนน และฉีดพ่นน้ำในอากาศตั้งแต่เวลา 18.00- 06.00 น. ทุกวัน จนกว่าฝุ่นละอองจะลดลงอยู่ในระดับมาตรฐาน

2. แจกหน้ากากอนามัย N95 ในพื้นที่ สวนลุมพินี บางคอแหลม จตุจักร บางกะปิ บางขุนเทียน โดยจะให้ความสำคัญกับกลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วย คนชรา เด็ก และผู้ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับแหล่งกำเนิด

3. เข้มงวดตรวจจับรถควันดำและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งรถยนต์ขนาดเล็ก รถยนต์ขนาดใหญ่ รวมทั้งรถโดยสารสาธารณะ

4. จัดตั้งคณะกรรมการร่วมในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้า โดยเร่งคืนพื้นผิวการจราจร ณ จุดที่ดำเนินการเสร็จแล้ว สำหรับจุดที่อยู่ระหว่างดำเนินการ จะปรับพื้นที่ผิวถนนให้กว้างขึ้น โดยบีบหรือลดพื้นที่การก่อสร้างบนพื้นผิวการจราจรให้แคบลง

5. จัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองจากการก่อสร้างอาคารสูงและระบบสาธารณูปโภคโดยจะดำเนินการติดตามตรวจสอบและสำรวจ ให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่นละอองให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ

6. การแก้ไขปัญหาการจราจรที่ติดขัด โดยอำนวยความสะดวกในการจราจรให้ดีขึ้น รวมถึงการเข้มงวดมิให้มีการจอดรถริมถนนสายหลัก

7. เข้มงวดมิให้มีการเผาขยะและการเผาในที่โล่ง

8. รณรงค์ไม่ให้ติดเครื่องยนต์ขณะจอดในสถานที่ราชการ โรงพยาบาล โรงเรียน และพื้นที่ ที่มีมลพิษสูง และ

9. ปฏิบัติการฝนหลวง และการใช้โดรนพ่นน้ำผสมสารเคมี เพื่อบรรเทาปัญหาฝุ่นละออง

ทั้งนี้ เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน รัฐบาลได้วางแนวทางและการดำเนินการในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง ให้รถยนต์ใช้ดีเซล B20 โดยมีการปรับแต่งเครื่องยนต์เล็กน้อย และจะมีสถานีให้บริการปรับแต่งด้วย รวมทั้งการรักษาคุณภาพรถยนต์ให้เป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 / 6 การส่งเสริมและผลักดันให้ใช้รถโดยสารที่ใช้แก๊สธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง รถโดยสารไฟฟ้า รวมทั้งรถโดยสารไฮบริด และการเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟฟ้า พร้อมทั้งโครงข่ายการให้บริการขนส่งสาธารณะให้เชื่อมโยงทุกระบบครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยเร็ว ทั้งนี้ มาตรการระยะยาวดังกล่าว จะดำเนินการทั้งในช่วงก่อนและหลังจากที่เครือข่าย การให้บริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าจะแล้วเสร็จ ขณะนี้ รถเมล์ ขสมก. รถไฟ ได้ปรับใช้ B20 แล้ว

รัฐบาลมีความห่วงกังวลต่อสุขภาพของประชาชนไทยทุกคน ขอให้ทุกคนติดตามข่าวสาร ตรวจสอบค่าฝุ่นละออง ปฏิบัติตามคำแนะนำ และเตรียมการเพื่อป้องกันตัวเองก่อนออกจากบ้าน สำหรับผู้มีผลกระทบ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ ผู้มีโรคประจำตัว เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่สูบบุหรี่ประจำ ต้องปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1142

 


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่