น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนธ.ค.2562 มีมูลค่า 19,381.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.72% เป็นการส่งออกลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 18,316.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 8.15% และเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบปี 2561 แต่ยังเกินดุลการค้ามูลค่า 1,064.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
ส่วนการส่งออกทั้งปี 2561 มีมูลค่า 252,486.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 6.7% ขยายตัวที่ต่ำกว่าเป้าหมายการส่งออกที่ตั้งไว้ที่ 8% แต่ก็ถือว่าทำได้ดี เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจโลกในขณะนี้ ที่มีปัญหาทั้งเศรษฐกิจคู่ค้าและปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกตลาด ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 249,231.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 12.51% เกินดุลการค้ามูลค่า 3,254.5 ล้านเหรียญสหรัฐ
น.ส.พิมพ์ชนกกล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้การส่งออกเดือนธ.ค. ติดลบ มาจากการส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรลดลง 6.6% สินค้าที่ลดลง เช่น ข้าว ลด 5.5% ยางพารา ลด 32.3% มันสำปะหลัง ลด 22.8% อาหาร ลด 3.3% กุ้งสดแช่แข็งและกุ้งแปรรูป ลด 13.2% และสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาติดลบ 0.8% สินค้าที่ลดลง เช่น รถยนต์นั่ง ลด 0.9% รกจักรยานยนต์และส่วนประกอบ ลด 4.4% เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ลด 13.5% เครื่องใช้ไฟฟ้า ลด 1.7%
สำหรับผลกระทบจากสงครามการค้าทั้งปี 2561 พบว่า มูลค่าหายไป 382.1 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น ผลกระทบจากมาตรการทางตรงสหรัฐฯ ลดลง 41.6% มูลค่าการส่งออกหาย 421.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลกระทบจากห่วงโซ่อุปทานจีน ลดลง 5.8% มูลค่าส่งออกหายไป 438.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และผลกระทบเชิงบวกจากการส่งออกทดแทนสินค้าจีนไปสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9.6% มูลค่าเพิ่ม 478 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผู้อำนวยการ สนค. กล่าวว่า สำหรับการส่งออกในปี 2562 ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าหมายการส่งออกเติบโตไว้ที่ 8% ซึ่งจะต้องส่งออกให้ได้เฉลี่ยต่อเดือนอย่างน้อยเดือนละ 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐขึ้นไป ซึ่งถือเป็นงานที่ท้าทาย