นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ลงพื้นที่สวนธนบุรีรมย์ เขตราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ กทม. พร้อมกับนายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรคภูมิใจไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรค และทีมว่าที่ผู้สมัคร กทม. และจังหวัดใกล้เคียง ของพรรคภูมิใจไทย อาทิ นายสุวัจน์ ม่วงศิริว่าที่ผู้สมัคร กรุงเทพ, นางสาวสายรุ้ง ปิ่นโมรา ว่าที่ผู้สมัครกรุงเทพ, นายจิตรภณ ทิพย์โภคาสกุล ว่าที่ผู้สมัคร เขตบางแค กรุงเทพ, นายไสว โชติกะสุภา ว่าที่ผู้สมัครเขตราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ กรุงเทพ , นางสาวเรวดี รัสมิทัต ว่าที่ผู้สมัคร จ.สมุทรปราการ ทั้งนี้ระหว่างการลงพื้นที่ มีประชาชนต้อนรับอย่างอบอุ่น
นายอนุทิน กล่าวว่า ทางพรรคส่งคนที่ดีที่สุดเป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรค เพราะพรรคไม่คิดดูถูกประชาชน อาทิ นายไสว เป็นคนที่ทำงานมานานพรรคไว้ใจว่ามีความนิยม สำหรับกรณีที่กังวลว่ามีกฤษฎีกาออกมาแล้วจะใช้สื่อออนไลน์หาเสียงไม่ได้ สำหรับตน ไม่ได้คิดเรื่องนี้มากนัก ในเมื่อโพสต์ไม่ได้ ก็เดินเท้าลงพื้นที่ พรรคภูมิใจไทยพร้อมทำตามกฎหมาย ตั้งใจ ไม่มีข้อแม้
เมื่อถามถึงกระแสในพื้นที่ กทม. นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ในระดับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อก่อนที่บางแค ที่ทุ่งครุ พูดชื่อภูมิใจไทย คนไม่รู้จัก เดี๋ยวนี้ คนรู้จักร้องอ๋อ ตนพอใจ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าในกรุงเทพมีหลายพรรคสู้กันภูมิใจไทยขอทำให้ดีที่สุด
“ชัดเจนแล้วว่าประเทศเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งแล้ว การหาเสียงอาจจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แต่เราทนมาได้ตั้ง 5 ปี เรื่องแค่นี้ ทำไมจะทนไม่ได้ ตอนนี้ เราอยู่ในบรรยากาศประชาธิปไตย อะไรที่มันไม่ใช่ประชาธิปไตย ก็ขอให้ถอยออกไปก่อน”
นายอนุทินยังกล่าวถึงปัญหาฝุ่น pm2.5 ว่า นโยบายของพรรคภูมิใจไทย เน้น ลดความแออัดบนท้องถนนทั้งเรื่องการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ รวมไปถึงเรื่อง co working space หากทำสำเร็จจะช่วยลดปัญหาฝุ่นอย่างแน่นอน
จากนั้น นายอนุทิน และทีมงานพรรคภูมิใจไทย ได้ลงพื้นที่ ชุมชนคลองรางจาก เขตทุ่งครุ พบปะพี่น้องประชาชน เพื่อรับฟังปัญหาระหว่างการลงพื้นที่ มีชาวบ้านเข้ามาทักทายอย่างต่อเนื่อง
นายอนุทิน กล่าวว่า ปัญหาปากท้องเป็นปัญหาของชุมชนรางจาก รวมไปถึงคนไทยทุกคน ซึ่งสอดรับกับพรรคภูมิใจไทยที่มองว่าปัญหานี้ เป็นปัญหาเร่งด่วน ทั้งนี้ พรรคมีแนวทางแก้ไขไว้แล้ว และเป็นเรื่องที่ทำได้จริง ทำได้เลย เพียงแต่เราขอโอกาสเท่านั้น
ด้านนายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เสียงที่ได้ยินจากการพบปะประชาชน กทม. คือคน กทม.ต้องการความปลอดภัยมากกว่านี้ ดังนั้น พรรคภูมิใจไทยต้องกลับไปขบคิดเพื่อหาแนวทางมาตอบสนองพี่น้องประชาชน แต่ส่วนตัว เสนอให้บูรณาการเจ้าหน้าที่ในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่การของบมาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย