หน้าแรก news “อนุทิน” หนุน Made in Thailand ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แนะเลิกระบบดุลพินิจ ชี้ ทำลายความน่าลงทุน

“อนุทิน” หนุน Made in Thailand ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แนะเลิกระบบดุลพินิจ ชี้ ทำลายความน่าลงทุน

0
“อนุทิน” หนุน Made in Thailand ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แนะเลิกระบบดุลพินิจ ชี้ ทำลายความน่าลงทุน
Sharing

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวในงาน นโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยภายใต้รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง จัดโดยสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ว่า

อย่างแรก ตนอยากให้ประกาศการเลือกตั้งทุกวัน เพราะหุ้นขึ้น สำหรับตลาดหลักทรัพย์ ในฐานะที่ตนเป็น Real Sector ตลาดหลักทรัพย์ไทยมีคุณูปการอย่างยิ่ง เพราะเป็นแหล่งทุนให้กับผู้ประกอบการ ในอนาคตตนหวังให้ตลาดหลักทรัพย์เป็นแหล่งเงินออมที่ทุกคนต้องเข้าถึงได้ และต้องเป็นแหล่งระดมเงินที่ปลอดภัยและปลอดจากการเมือง ซึ่งที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างดีเยี่ยม

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ในส่วนของการพัฒนาประเทศ ภูมิใจไทยไม่พูดเรื่องการเมือง แต่จะพูดเรื่องจริง ที่ต้องทำอย่างเร่งด่วน ตนเสนอให้เราเอาคำว่าดุลพินิจออกจากกฎหมาย เพราะดุลพินิจ มันให้อำนาจรัฐจนเกินไป เรามาตั้งโรงงาน เราทำถูกต้อง แต่ก็ต้องรอท่านเซ็นเอกสาร ทั้งที่เราทำตามกรอบทุกอย่าง มันเสียเวลา ทำลายโอกาสการลงทุน ทำลายโอกาสการจ้างงาน ชะลอเงินที่ควรจะหมุนเวียน เพราะเรารอการตัดสินใจของรัฐ

ดังนั้น ทางที่ดี จะต้องเปลี่ยนเป็นระบบ Check List เรามีเอกสาร กำหนดเงื่อนไข ใครทำได้ตามเงื่อนไข คุณเปิดโรงงานได้เลย แต่เราจะมาตรวจสอบทีหลัง ถ้าโกหกเรา ต้องถูกลงโทษ แบบนี้ มันอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนมากกว่า ซึ่งตลาดหลักทรัพย์มีความน่าเชื่อถือเพราะใช้ระบบ check list ให้ระบบตรวจสอบ น่าเชื่อถือกว่าการให้คนไม่กี่คนมาตัดสินใจ

“เราควรกลับมาทบทวนเรื่องการใช้งบ เราไม่รีบซื้ออาวุธ แต่ต้องให้เงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ผมสนับสนุนเรื่อง Made in Thailand กินของไทย ใช้ของไทย เราต้องจ้างคนไทย ใช้ของไทย สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนไทย ต้องให้เงินของประเทศ อยู่ในมือคนไทย”

นายอนุทิน เสนอต่อว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องสนับสนุนการลงทุนอย่างเท่าเทียม ทำไม ต้องออกกฎหมายหนุนลงทุนแค่ในระยอง ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ตนมองว่าควรจะใช้กฎหมาย EEC ในหนองบัวลำภูบ้าง ทุกจังหวัดต้องได้รับการพัฒนาอย่างเท่าเทียม

ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวในงานสัมมนา “นโยบายเศรษฐกิจและตลาดทุนไทยภายใต้รัฐบาลหลังเลือกตั้ง” จัดที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า นโยบายเศรษฐกิจของไทยหลังการเลือตั้ง ควรต้องมุ่งเน้น 3 ด้าน

  1. การนำประเทศไทยให้ก้าวทันโลก หลังจากล้าหลังมาหลายปี และต้องก้าวนำเพื่อกำหนดอนาคตประเทศล่วงหน้าเองถ้าทำได้ ซึ่งโลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเฉพาะทางเทคโนโลยี ทำให้เกิด disruption ในวงการธุรกิจอย่างมากมาย และตลอดเวลา เช่น ธนาคารต่างๆต้องปิดหลายสาขา เป็นต้น แม้คนส่วนใหญ่จะรับรู้เรื่องนี้น้อย และอาจเห็นว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่คนในวงการตลาดหลักทรัพย์จะทราบดี ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการพัฒนาประเทศเพื่อเตรียมรองรับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
  2. การรับมือกับปัญหาของประเทศไทย เช่น ปัญหาการเจริญเติบโตที่ต่ำมาหลายปีติดกัน แถมยังไปกระจุกตัว ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาสังคมสูงวัย ปัญหาการว่างงานที่จะสูงขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ เช่น Ai และ Robotic ปัญหาการผูกขาดทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
  3. การนำประเทศไทยกลับไปเป็นศูนย์กลางของอาเซียน โดยมีแนวทาง Regional integration ที่จะเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกัน

ทั้งนี้ อยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ของไทยมีส่วนร่วมในการพัฒนาและแก้ปัญหาเหล่านี้ โดยอยากให้คนส่วนใหญ่ของประเทศได้รับประโยชน์จากตลาดหลักทรัพย์ด้วย ไม่ใช่เฉพาะเศรษฐีและคนชั้นกลางเท่านั้น และการเป็นแหล่งระดมทุนให้กับบริษัท startup ทางเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นใหม่ การเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ โดยในเมื่อรัฐยังไม่สามารถช่วยเหลือกลุ่มคนสูงวัยที่เกษียณอายุได้ รัฐจึงไม่ควรเก็บภาษีจากเงินออกจากงานเพราะเกษียณอายุที่เขาต้องอาศัยเงินนี้ใช้ไปอีกนาน นอกจากนี้ ยังอยากเห็นแนวคิดที่เคยมีเช่น การเชื่อมต่อกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆในอาเซียน ตลอดจนเป็นศูนย์กลางการระดมทุนให้กับบริษัทดีๆในอาเซียนโดยเฉพาะใน CLMV

เพื่อประเทศไทยจะได้เป็นศูนย์กลางทางตลาดทุนของอาเซียน อยากเห็นตลาดหลักทรัพย์ปรับบทบาทเพื่อรองรับการพัฒนาประเทศตามแนวทางนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง


Sharing

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่