ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวในการเปิดนโยบายพรรคว่า ไทยรักษาชาติ จะคิดใหม่ ทำใหม่ สานต่อระบบเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน โดยเน้นเศรษฐกิจภายในประเทศ “รดน้ำที่ราก ไม่ใช่ที่ใบ” ให้ประชาชนมีกำลังซื้อ กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น ไปพร้อมกับเพิ่มการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และขยายตลาดส่งออก
ไทยรักษาชาติ จะใช้วิธีคิดแบบ “เทคซิโนมิกส์” (Techsynomics คือ Technology sync Economics) “เราจะสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทย ด้วยระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย” โดยจะนำเอาเทคโนโลยีมาต่อยอดเศรษฐกิจทั้งสองระดับ (ระดับบนและระดับล่าง) เพื่อสร้างโอกาสให้คนไทย และทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น
ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีที่ 4 รัฐมนตรีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ลาออกจากตำแหน่งซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้โดยระบุว่า ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่าอาจจะใช้ตำแหน่งหน้าที่เอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น เพราะการมีอำนาจในรัฐบาลสามารถให้คุณให้โทษกับผู้อื่นได้ แม้ความจริงทั้ง 4 คน ไม่จำเป็นต้องลาออกจากตำแหน่งก็ได้ หากรัฐบาล คสช.ดำรงสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการในช่วงเลือกตั้งเหมือนรัฐบาลปกติ
อย่างไรก็ตามนายจาตุรนต์ มองว่าจะยังมีปัญหาอื่นตามมาและยังเพิ่มแรงกดดันไปที่คสช. หากพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นเเคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อของพรรค ซึ่งต้องติดตามว่าพลเอกประยุทธ จะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ด้วย เพราะแม้ 4 รัฐมนตรีจะลาออกแล้ว แต่หากพลเอกประยุทธ ยังมีอำนาจเต็ม ก็ยังสามารถสร้างความได้เปรียบหรือเอื้อประโยชน์ให้พรรคพลังประชารัฐได้ นอกเหนือจากการที่มีชื่อพรรคคล้ายกับนโยบายของรัฐบาล คสช.ซึ่งถือว่าเป็นการเอาเปรียบมาตั้งแต่ต้นและจะยังอยู่ในสถานะได้เปรียบต่อไป
ดังนั้น สิ่งสำคัญคือพลเอกประยุทธ ต้องแสดงให้เห็นว่า รัฐบาล คสช.จะไม่ใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งหรือเอื้อประโยชน์พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งหลักประกันที่จะยอมรับได้คือเป็นรัฐบาลรักษาการเท่านั้น