ด้วยสภาพเศรษฐกิจไทยที่ไม่สู้ดีนัก ดังนั้นอย่าแปลกใจหากทุกพรรคการเมืองเร่งเกียร์ 5 ชูนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง หาเงินมาเติมในกระเป๋าประชาชน หลายพรรคมองไปที่เรื่องกัญชา ซึ่งกำลังกลายเป็นพืชเศรษฐกิจระดับโลก มีเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจดังกล่าวกว่า 4 ล้านล้านบาท ขณะที่ประเทศไทยยังให้กัญชาเป็นสิ่งเสพติด ตัดโอกาสหารายได้จากพืชชนิดนี้อย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด สนช. กำลังจะปลดล็อกให้สามารถนำกัญชาไปใช้ทางการแพทย์ได้ แต่มีประเด็นคือ บริษัทต่างชาติรอจนสิทธิบัตรอยู่ หากปลดล็อกปุ๊บ สิทธิบัตรจะตกอยู่กับต่างชาติทันที นำมาซึ่งเสียงคัดค้าน ที่สุดท้าย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเซ็นคำสั่ง ม.44 เพิกถอนสิทธิ์การจดสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติไปก่อน
แต่อีกด้านหนึ่ง มีความกังวลกันว่า ด้วยความพร้อมในด้านเอกสาร และการดำเนินงานที่มากกว่า แม้จะเพิกถอนสิทธิ์ไปตอนนี้ แต่ในอนาคต บริษัทต่างชาติจะกลับเข้ามาใหม่อย่างแน่นอน จึงเสนอให้รัฐบาลเป็นผู้จดสิทธิบัตรไว้ก่อน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
ในฝ่ายการเมือง พูดถึงเรื่องกัญชาอย่างแพร่หลาย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณะบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัยมหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก สรุปสถานการณ์นโยบายกัญชาของพรรคการเมืองก่อนวันเลือกตั้ง ประจำวันที่ 21 มกราคม 2562 ระบุว่า พรรคการเมืองที่สนับสนุนปลดล็อกกัญชาเพื่อการแพทย์สำหรับประชาชนเป็นการทั่วไป โดยไม่ให้เกิดการผูกขาดอยู่กับรัฐหรือเอกชนรายใดรายหนึ่ง (เรียงลำดับเวลาประกาศจุดยืน) ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลเมืองไทย พรรคกรีน พรรคภูมิใจไทย พรรคสร้างชาติ
ทั้งนี้ เมื่อไล่ดูความจริงจังตั้งใจของแต่ละพรรค จะพบว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้บรรจุในนโยบาย เป็นแต่เพียงการพูดจากกลุ่ม NEW DEM เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ หรือ ไอติม สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ หลานนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า รัฐสมควรเปิดโอกาสให้ประชาชนผลิตและสกัดสารของกัญชาออกมา รัฐควบคุมมาตรฐานและความปลอดภัย ส่งเสริมสายพันธุ์กัญชาใหม่ๆ ปกป้องสิทธิบัตร และเปิดตลาดกัญชาโลกให้ไทยมีมาตรฐานทัดเทียม
และรับลูกโดยนายอภิสิทธิ์ ที่ออกมาระบุในเดือนต่อมาว่า นโยบายพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และมองว่า กัญชามีศักยภาพเป็นพืชเศรษฐกิจด้วย ซึ่งพรรคยืนยันแนวนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ ป้องกันและขจัดการผูกขาดทุกรูปแบบ แม้จะพยายามอ้างหลักการเพื่อป้องกันการใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการผูกขาดหรือให้สัมปทานเฉพาะกลุ่ม ส่วนเรื่องการขอจดสิทธิบัตร ก็ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายว่า ที่จดไปก่อนหน้านี้ในขณะที่กัญชายังถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายทำได้อย่างไร และเป็นการได้เปรียบ เสียเปรียบ กับผู้ที่ไม่ได้ขอจดในขณะนั้น เพราะทราบว่า เป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ ต้องมีการตรวจสอบ
ทั้งนี้ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาเกี่ยวเรื่องกัญชามาไว้ในอ้อมใจ อีกซีกโลกหนึ่ง ช่วงเดือนตุลาคม นายจารุภาส ทอม เครือโสภณ สมาชิกทีมยุทธศาสตร์ พรรคภูมิใจไทย ซุ่มเงียบบินไปยังดินแดนลุงแซมสหรัฐอเมริกา เพื่อศึกษาการผลิต และจัดจำหน่ายกัญชาอย่างถูกกฎหมาย
ต่อมานายนายจุลภาส ได้ FBlive ภายใต้หัวข้อ ธุรกิจกัญชาทางแพทย์ไหน America เมืองไทยควรจะพิจารณา โดยเป็นการพาไปชมแหล่งเพาะปลูกกัญชา พร้อมอธิบาย ว่า
ขณะนี้ตนอยู่ในสวนกัญชาแห่งหนึ่ง ปัจจุบันกัญชาเป็นพืชที่คนสหรัฐฯปลูกกันมาก แต่ผลผลิตก็ยังขาดตลาด สำหรับการปลูกต้นกัญชา ใช้เวลา 2 เดือนก็สามารถเก็บเก็บเกี่ยวได้ นอกจากนั้น นายจุลภาส FBlive ภายใต้หัวข้อ “มาดูร้านขายกัญชาถูกกฎหมายว่าร้านเค้าดีแค่ไหนและผลิตภัณฑ์เยอะแค่ไหน ร้านนี้ทำเงินได้วันละ1,000,000 baht” พร้อมพาไปชมร้านขายผลิตภัณฑ์จากกัญชา โดยอธิบายว่า ร้านดังกล่าวจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย ผลิตภัณฑ์ภายในร้านได้แก่ ยาแก้อาเจียน ยาแก้ความเจ็บปวด ยาแก้สั่น ล้วนทำมาจากกัญชา
ทั้งนี้ ยังได้สัมภาษณ์นายสตีฟ ซึ่งเป็นพนักงานภายในร้าน เกี่ยวกับข้อดีหลังจากรัฐบาลอนุญาตให้กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ว่า
“ถ้าประเทศไทย เปิดให้ปลูก และขายกัญชาได้อย่างถูกต้อง จะเกิดเม็ดเงินสะพัดมากมายมหาศาล ส่วนข้อกังวลว่าจะทำให้สังคมแย่ลง มีคนติดยาเสพติดเพิ่มขึ้น ตรงนี้ ขออธิบายด้วยข้อมูลว่าตั้งแต่ที่สหรัฐฯ ปล่อยให้บางรัฐสามารถปลูกและขายกัญชาได้ ในรัฐนั้น สถิติคนเมาแล้วขับน้อยลง เช่นเดียวกับจำนวนคนติดยาเสพติด ก็น้อยลงเช่นกัน”
สำหรับโพสต์ “มาดูร้านขายกัญชาถูกกฎหมายว่าร้านเค้าดีแค่ไหนและผลิตภัณฑ์เยอะแค่ไหน ร้านนี้ทำเงินได้วันละ1,000,000 baht” มีคนกดแชร์กว่า 8.5 พันครั้ง โดยประชาชนจำนวนมากแสดงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า กฎหมายไทย ล้าหลัง ก้าวไม่ทันโลก และต้องการให้มีการแก้กฎหมาย เพื่อให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่
https://www.facebook.com/kruesopon/videos/10213039742377426/
จากนั้นความเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย ว่าด้วยเรื่องของกัญชาก็เงียบหายไป ก่อนจะมาฮือฮาตูมตามอีกครั้ง เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2562 ในงานเปิดตัว “นโยบายพรรค” และผู้สมัครเขตของพรรคที่สนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต มีผู้เข้าร่วมกว่า 3 หมื่นคน ถือเป็นการโชว์ความพร้อมระดับ 500% ของพรรคภูมิใจไทยสู้ศึกเลือกตั้ง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรคชูนโยบาย “ปลูกกัญชาเสรี” หลังจาก สภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ได้รับหลักการแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดปี 2522 ปลดล็อคให้ ประชาชนทั่วไปสามารถปลูกกัญชาได้เสรี โดยยึดต้นแบบ จาก รัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ “แคลิฟอร์เนียโมเดล” จากสหรัฐอเมริกา ที่ให้ประชาชนปลูกกัญชาได้ ครอบครัวละ 6 ต้น โดย กัญชา ถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีประโยชน์มากมาย สามารถแปรรูป เป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด อาทิ โรคหัวใจ ลมชัก ไมเกรน นอนไม่หลับ ฯลฯ ซึ่งมีการประเมินว่า กัญชา 1 กก.มีราคา 70,000 บาท 1ครอบครัว ปลูกได้ 6 ต้น เท่ากับจะมีรายได้ 420,000 บาท ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ พี่น้องเกษตรกรชาวไทยได้อย่างดี
นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ พรรคภูมิใจไทย ได้ร่างกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนปลูกกัญชาได้เสรี เรียบร้อยแล้ว และ จะเสนอเป็นกฎหมาย ยึดรูปแบบจากรัฐแคลิฟอร์เนีย
นโยบายดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างยิ่ง แว่วว่าก่อนจะชูนโยบายนี้ออกมาพรรคภูมิใจไทยได้ศึกษาอย่างละเอียดตลอด 2 เดือน โดยมีนายจารุภาส เครือโสภณ เป็นแม่งาน ร่วมศึกษากับทีมนักวิชาการของพรรค
หลังจากนั้นพรรคภูมิใจไทยได้เปิดงานเสวนาที่พรรค ภายใต้หัวข้อ “โอกาสของกัญชาไทย มิติเศรษฐกิจ และการแพทย์” โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย(ภท.), นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ, นพ.สมยศ กิตติมั่นคง ผู้เขียนหนังสือ “กัญชา คือ ยารักษามะเร็ง” และนายบัณฑูร นิยมาภา หรือ “หมอตู้” ปราชญ์ชาวบ้านด้านกัญชา
ในงานเสวนา นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า
“มีคนกังวลว่ากัญชาจะมอมเมาคนไทย แต่จากการเสวนาวันนี้ทำให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เหล้ากับเบียร์อันตรายยิ่งกว่า เพราะกัญชาไม่เคยทำร้ายใคร และเชื่อว่าเมื่อกฎหมายออกมาก็จะมีมาตรการควบคุมเป็นอย่างดี เมื่อแลกกับความคุ้มค่าของการมีกัญชาเสรีซึ่งจะกลายเป็นพืชเศรษฐกิจ รักษาความยากจนและเป็นสมบัติของคนทั้งประเทศ ดังสำนวน ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทย จะทำให้หลังบ้านของทุกคนมีกัญชาเสรี”
เมื่อดูความตื่นตัวของพรรคภูมิใจไทย ในการผลักดันให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ ต้องบอกว่า เอาจริงเอาจัง นำหน้าเพื่อนไปหลายช่วงตัว เพราะเป็นการเปิดนโยบายอย่างยิ่งใหญ่ ประกาศตัวเป็นผู้นำด้านนโยบายกัญชาอย่างแท้จริง โดยใช้หลักการอ้างอิงจากต่างประเทศ และการนำเสนอสุดอลังการ ทำให้มองเห็นภาพความสำเร็จ ไปจนถึงการจัดเสวนา เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำเรื่องกัญชาให้เป็นจริง ระหว่างนั้น ยังมีการให้ข่าวอย่างต่อเนื่อง
หากใครจะชูเรื่องกัญชาขึ้นมาตอนนี้ ก็ไม่ต่างจากวิ่งตามภูมิใจไทย
Ringsideการเมือง