ศาสตราจารย์พิเศษ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) กล่าวถึงบรรยากาศการเมืองไทยว่า หลายคนมองว่าจากนี้ มันจะเกิดความวุ่นวาย มีการยึดอำนาจ แต่ส่วนตัวคิดว่ามันจบแล้ว บ้านเมืองจะเดินหน้าอย่างสงบเรียบร้อย เพราะเราจะมีงานสำคัญทั้งการเลือกตั้ง และงานพระราชพิธี ที่สำคัญการเมืองไทย มันกลับมาสู่จุดสมดุลแล้ว
เมื่อถามถึงการให้ข่าวพาดพิงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ศาสตราจารย์พิเศษเอนก กล่าวว่า ตนแค่เตือนให้เขาได้ตระหนักว่าการเมืองไทย มันไม่ใช่แค่เอากับไม่เอาเผด็จการ มันสลับซับซ้อนกว่านั้น เพราะอีกทางก็มีกลุ่มเอาไม่เอาทักษิณ กลุ่มรักษาความเป็นไทย กลุ่มสนับสนุนแนวทางตะวันตก การเมืองไทยมีเป็น 10 ขั้ว ทั้งนี้ มุมคิดของนายธนาธร มันทำให้การเมืองไทยมีแค่ขาวกับดำ ที่สุดท้ายคนไทยจะแตกแยกร่วมทางกันไม่ได้ แล้วประเทศชาติ มีแต่ความบอบช้ำ ตนเห็นนายธนาธร เหมือนเห็นตนเองในอดีต เต็มเปี่ยมด้วยอุดมการณ์ แต่มาถึงจุดหนึ่งความฝันกับความจริงมันไปด้วยกันไม่ได้ เรามาหาทางทำเพื่อชาติบ้านเมืองกันดีกว่า ส่วนตัวจึงสนับสนุนทางสายกลาง
ศาสตราจารย์พิเศษเอนก กล่าวถึงการจับขั้วทางการเมืองและตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เราไม่จับมือกับพวกท้าทายสถาบันแน่นอน ยกเว้นแนวทางเขาจะเปลี่ยนแปลง เราก็พร้อมช่วยกันทำงานเพื่อประชาชน ส่วนคนที่จะเป็นนายกฯ หนีไม่พ้นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะมีเสียง ส.ว.สนับสนุน และมีกองเชียร์มาก ส่วนความเหมาะสม ตนมองว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกฯได้ เพราะประนีประนอม การเมืองไทยต้องการคนแบบนี้ เช่นเดียวกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุนาพันธุ์ ก็เป็นคนธรรมมะธรรมโม สำหรับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โอกาสของท่านมีน้อยกว่า เพราะท่านจัดการสถานการณ์ปี 53 ไม่ดีนัก
เมื่อถามว่าต้องการทางสายกลาง แต่ทำไมในพรรครวมพลังประชาชาติไทยถึงมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ร่วมด้วย นักวิชาการผู้นี้กล่าวว่า นายสุเทพ วันนั้นกับวันนี้เปลี่ยนไปแล้ว พรรคเลเบอร์ของอังกฤษเมื่อก่อนก็ชุมนุม วันนี้มาอยู่ในสภา การที่นายสุเทพเข้ามาทำการเมืองกับพรรค จึงไม่ใช่เรื่องแปลก