ที่พรรคภูมิใจไทย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค ภท. แถลงข่าวประเด็นนโยบายพรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้นโยบายต่าง ๆ ของพรรคได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะนโยบายกัญชาเสรีที่หลายหน่วยงานได้เริ่มนำไปปฏิบัติตาม เช่น ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เตรียมยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ครอบครองกัญชา และร่างกฎหมายการผลิต การปลูก การวิจัย การจำหน่าย และการผลิตส่งออก ซึ่งพรรค ภท. ขอขอบคุณที่หน่วยงานดังกล่าวเห็นประโยชน์และนำแนวทางของพรรคที่ริเริ่มมาแต่ต้นไปปฏิบัติตาม และยืนยันว่า หากพรรค ภท. ได้เป็นรัฐบาลจะปรับปรุงกฎหมายที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้อย่างเสรีและมีรายได้ โดยปลูกได้ 6 ต้นต่อครัวเรือน สร้างรายได้ 420,000 บาทต่อปี
ส่วนข้อสงสัยว่า เหตุใดป้ายหาเสียงของพรรค ภท. มีแต่นโยบายกัญชาเสรี ไม่นำเสนอประเด็นอื่น ขอชี้แจงว่า พรรค ภท. จะนำเสนอนโยบายที่สอดคล้องกับภูมิภาค อาทิ ภาคใต้ เราจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ (SEC) นโยบายคืนกำไรให้ชาวสวนปาล์ม ขณะที่ ภาคเหนือและภาคอีสานจะเน้นเรื่องการแบ่งปันผลกำไรให้ชาวนาและเกษตรกรให้มีส่วนแบ่ง 75 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกรุงเทพมหานครและเมืองท่องเที่ยว เราเน้นเรื่องแก้กฎหมายให้แกร็บคาร์และแอร์บีเอ็นบีเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า พรรค ภท. จะเดินหน้าทำงานการเมืองเชิงนโยบาย จะไม่สร้างความขัดแย้งในประเทศ เพราะวันนี้ยอมรับแล้วว่า ประชาชนอาจจะชอบฟังความขัดแย้ง แต่จะเลือกพรรคที่เสนอนโยบายที่ดี และยืนยันว่า นโยบายต่าง ๆ ทั้ง 12 ด้าน อ้างอิงจากหลักวิชาการ ศึกษาต้นแบบจากหลายประเทศ และพรรคมีทีมยุทธศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน จึงเชื่อว่า หากได้เป็นรัฐบาล นโยบายทั้งหมดนี้จะเป็นความจริง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
เมื่อถามถึงกระแสเรียกร้องให้มีการดีเบต พรรค ภท. พร้อมจะเข้าร่วมหรือไม่ พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า หากเป็นการพูดเพื่อสร้างความขัดแย้ง พรรคเราไม่สนับสนุน แต่ถ้าเป็นการพูดเรื่องนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน พรรคพร้อมเข้าร่วม เมื่อถามว่า มีการโจมตีว่า พรรค ภท. ว่า เก็บบัตรประชาชนใน 2 จังหวัดภาคใต้ เพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้ง โฆษกพรรค ภท. กล่าวว่า ขอปฏิเสธว่า ไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมามีแต่การพูดถึง แต่ไม่มีหลักฐาน จึงฝากไปถึงคนที่โจมตีให้หยุดการกระทำเหล่านี้ ซึ่งไม่มีผลดีต่อการเลือกตั้ง นอกจากนี้ นายศุภชัยยังขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ลงมาทำงานเชิงรุก เอาจริงเอาจังในการตรวจสอบในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ เนื่องจากมีรายงานว่า มีผู้มีอำนาจรัฐเรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ช่วยสนับสนุนพรรคการเมืองหนึ่ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เพราะลำพัง กกต. นั่งรับเรื่องที่อยู่ที่สำนักงาน หรือ รับสายโทรศัพท์ร้องเรียนเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไป
“ส่วนเรื่องไทยรักษาชาติ ไม่ต้องมาถามผม เพราะไม่ใช่เรื่องของพรรค และไม่ใช่เรื่องของผม ที่สำคัญ คำพูดของผมต้องไม่สร้างความขัดแย้ง”
เมื่อถามถึงความมั่นใจของพรรคภูมิใจไทย ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคมีสิทธิ์คิดได้ เพราะพรรคมีความพร้อม นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ประกาศตั้งแต่แรก ว่า พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งนโยบายต่าง ๆ ที่มุ่งแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งชาวบ้านให้การตอบรับ และตัวผู้สมัครทั้ง 350 เขต ส่วนใหญ่อยู่ดูแลในพื้นที่มานาน รวมทั้งเป็นอดีต ส.ส. และครั้งนี้มีการส่งผู้สมัครมากกว่าการเลือกตั้งปี 2554 ที่เราส่งเพียง 150 คน และได้ ส.ส. 34 คน โดยมีประชาชนเลือกถึง 3 ล้านเสียง แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรค ภท. ส่งผู้สมัครจำนวนมากกว่าเดิม ประกอบกับประชาชนห่างหายจากการเลือกตั้งมา 8 ปี ซึ่งอะไรก็เกิดขึ้นได้ ทำให้เรามั่นใจว่า จะได้ ส.ส. มากกว่าเดิม โดยพรรคมีหลักคิดว่า เราจะเป็นแกนหลัก และพรรคอื่นต้องมาร่วมกับเรา โดยมีจุดยืน คือ ฟังเสียงประชาชน และพร้อมจะเป็นฝ่ายค้าน หากไม่มีพรรคไหนนำนโยบายของเราไปปฏิบัติ
