นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ ยื่นคำร้องถึงประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และนายทะเบียนพรรคการเมือง จำนวน 2 ฉบับ ให้พิจารณาและวินิจฉัยส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชารัฐ
โดยคำร้องแรกขอให้ กกต.ตรวจสอบพฤติการณ์การกระทำความผิดที่ขัดต่อธรรมนูญ 1.ความเชื่อมโยงกลุ่มบุคคลมีวัตถุประสงค์จัดตั้งพรรคที่ผิดกฎหมาย 2.มีกลุ่มบุคคลที่เข้าครอบงำการจัดตั้งพรรคโดยเรียกรับผลประโยชน์เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง 3.กลุ่มบุคคลเข้าครอบงำพรรคโดยทางตรงและทางอ้อมลักษณะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
และ 4.พรรคพลังประชารัฐ กระทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เนื่องจากเห็นว่าการที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มาซึ่งอำนาจของประเทศด้วยวิธีพิเศษ ถือไม่ได้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย แล้วยังยินยอมให้พรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งลักษณะเหล่านี้เข้าข่ายการครอบงำ ชี้นำ สั่งการตั้งแต่การขอจดจัดตั้งพรรคทั้งทางตรงและทางอ้อมในการดำเนินกิจกรรมของพรรค โดยใช้บุคคลอื่นจัดตั้งพรรคการเมืองแทนตน
อีกทั้ง ยังมีการใช้ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบ เช่น นำเอานโยบายประชานิยมของรัฐบาลมานำเสนอเป็นนโยบายของพรรค จนเกิดความไม่เท่าเทียมในการเลือกตั้ง รวมทั้งกรณี ที่ คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ให้กลับเข้าปฏิบัติหน้าที่เดิม อันอาจเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์เพื่อให้ได้ผู้สมัครเข้าพรรค จึงเป็นการใช้วิถีทางการเมืองที่ไม่สุจริต จึงถือว่าเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 28 โดยมีจุดมุ่งหมายให้พลเอกประยุทธ์ สืบทอดอำนาจทางการเมืองต่อไปหรือไม่
ส่วนคำร้องที่สอง ขอคัดค้านการประกาศรายชื่อพลเอกประยุทธ์ ซึ่งอยู่ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เป็นผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ตามมาตรา 88 ของรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเห็นว่าพลเอกประยุทธ์เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ เข้าลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะลงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงขอให้ กกต.ทบทวนการประกาศรายชื่อของพลเอกประยุทธ์เสียใหม่และดำเนินการเพิกถอนชื่อออกจากบัญชีนายกฯ ต่อไป
นายวิญญัติ กล่าวว่า หวังว่า กกต.จะพิจารณาคำร้อง โดยใช้มาตรฐานเดียวกันกับคดียุบพรรค ที่ได้พิจารณาไปก่อนหน้านี้ ซึ่งจะขอจับตาการทำหน้าที่ของ กกต. หากไม่ดำเนินการ ก็จะล่ารายชื่อประชาชน 20,000 รายชื่อ ถอดถอน กกต. รวมถึงดำเนินการตามกฎหมาย กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก ไทยรัฐ